แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 51
1
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


2
ปล่อยรถราคาพิเศษ BMW ix xDrive 50 Sport รับรถ 0บาท ผ่อน 70,xxx.

บีเอ็มดับเบิลยู BMW i X xDrive50 Sport ปี 2022
BMW iX xDrive50 Sport ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง BMW eDrive เจเนอเรชันที่ 5 พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบไฟฟ้า BMW xDrive Electric ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว ที่ให้กำลังรวมสูงสุด 523 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 765 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 4.6 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 200 กม./ชม. เสริมด้วยระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อ (Near-actuator wheel slip limitation) ทำงานคู่กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นครั้งแรก (ราคาขายรวม BSI STANDARD Package)

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 18 มี.ค. - 31 มี.ค. 2568
รับรถ 0บาท ผ่อน 70,xxx.  จัดในนามบริษัทสามารถนำค่างวดไปหักเป็นค่าใช้จ่ายภาษีได้สูงสุดเดือนละ 36,000

ราคาพิเศษ 4,450,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

ข้อมูลทั่วไป

มอเตอร์ไฟฟ้า
มอเตอร์ไฟฟ้า 523 แรงม้า มอเตอร์ไฟฟ้าแรงบิดสูงสุด  765 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.6 วินาทีความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. ระยะทางขับเคลื่่อนไฟฟ้า1, มาตรฐาน NEDC 570 กิโลเมตร, ระยะทางขับเคลื่่อนไฟฟ้า1, มาตรฐาน WLTP 549 - 630 กิโลเมตร

กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)        523 แรงม้า
ระบบเกียร์                          เกียร์อัตโนมัติ
รูปแบบเกียร์                        ไฟฟ้า
ระบบเบรค ABS                    มี
ชนิดแบตเตอรี่                      ไฟฟ้า
ความจุแบตเตอรี่                    N/A
ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง     630 กิโลเมตร
น้ำหนักตัวรถ                            -
ประเภทยางรถยนต์                     -
ขนาดล้อ (นิ้ว)
ระบบขับเคลื่อน                   ขับเคลื่อนสี่ล้อ (BMW xDrive electric all-wheel drive)


3
ข้อมูลโรค: เห็บกัด

เห็บ นอกจากจะเป็นพาหะนำไข้รากสาดใหญ่ชนิด epidemic typhus แล้ว บางชนิดยังมีพิษที่สามารถทำลายระบบประสาทให้กลายเป็นอัมพาตได้อีกด้วย

อาการ

ผู้ป่วยส่วนมากจะมีอาการเฉพาะที่ เป็นตุ่มคันหายได้ภายใน 2-3 วัน แต่อาจทำให้เกาจนเป็นหนองได้ แต่ถ้านำตัวออกไม่หมด ยังมีหัวของมันฝังอยู่ในผิวหนัง ตุ่มนี้อาจโตขึ้น (ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นก้อนมะเร็งได้) บางครั้งอาจทำให้เกิดอาการอัมพาตคล้ายโปลิโอ เมื่อนำหัวของมันออกก็จะค่อย ๆ หายได้ แต่ถ้าปล่อยจนกล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาตก็อาจทำให้หยุดหายใจตายได้


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ให้ดึงเห็บออกพร้อมหัว อย่าให้มีส่วนของหัวค้างอยู่ในผิวหนัง อาจใช้น้ำมันหรือยาหม่องทา หรือใช้บุหรี่ติดไฟลนใกล้ตัวเห็บ จะช่วยให้หลุดออกง่ายขึ้น

2. ถ้าเกาจนเป็นหนอง ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น เพนิซิลลินวี ไดคล็อกซาซิลลิน หรืออีริโทรไมซิน

3. ถ้ามีอาการอัมพาต ควรสำรวจว่ามีหัวของเห็บติดอยู่ส่วนไหน แล้วเอาออกหรือผ่าออกเสีย และรีบส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลทันที


การดูแลตนเอง

ถ้าเห็นตัวเห็บ ให้ดึงเห็บออกพร้อมหัว อย่าให้มีส่วนของหัวค้างอยู่ในผิวหนัง อาจใช้น้ำมันหรือยาหม่องทา หรือใช้บุหรี่ติดไฟลนใกล้ตัวเห็บ จะช่วยให้หลุดออกง่ายขึ้น

ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    สงสัยว่าดึงตัวเห็บออกไม่หมด
    มีอาการคันมาก หรือเกาจนเป็นหนอง
    มีอาการแขนขาอ่อนแรง


4
การจัดฟันเด็ก เป็นการใช้ประโยชน์จากขากรรไกรของเด็กมากแค่ไหน

การจัดฟันในเด็กเป็นการใช้ประโยชน์จากการเจริญเติบโตของขากรรไกรในช่วงวัยที่กระดูกยังมีการพัฒนาอยู่ค่อนข้างมาก ทำให้การเคลื่อนฟันและการปรับโครงสร้างขากรรไกรทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากกว่าในผู้ใหญ่


การใช้ประโยชน์จากขากรรไกรของเด็กในการจัดฟันมีหลายด้าน ดังนี้:

การขยายขากรรไกร: ในเด็กที่มีขากรรไกรเล็ก ไม่สมดุล หรือมีฟันซ้อนเก การจัดฟันสามารถใช้เครื่องมือขยายขากรรไกร (Palatal Expander) เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ฟันแท้ขึ้นมาเรียงตัวได้อย่างเหมาะสม และแก้ไขปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติ การขยายขากรรไกรในเด็กจะทำได้ง่ายกว่าในผู้ใหญ่ เนื่องจากกระดูกขากรรไกรยังไม่เชื่อมติดกันสนิท
การปรับทิศทางการเจริญเติบโตของขากรรไกร: ในเด็กที่มีปัญหาขากรรไกรบนหรือล่างยื่นมากเกินไป หรือขากรรไกรล่างเล็ก การจัดฟันสามารถใช้เครื่องมือภายนอกช่องปาก (เช่น Headgear หรือ Face Mask) ร่วมกับการจัดฟันแบบติดแน่น เพื่อควบคุมและปรับทิศทางการเจริญเติบโตของขากรรไกรให้มีความสมดุลมากขึ้น ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุและไม่สามารถทำได้ในผู้ใหญ่

การสร้างพื้นที่ให้ฟันแท้ขึ้น: ในกรณีที่เด็กมีการสูญเสียฟันน้ำนมก่อนกำหนด การจัดฟันสามารถใช้เครื่องมือกันที่ (Space Maintainer) เพื่อรักษาช่องว่างไว้ให้ฟันแท้ขึ้นมาในตำแหน่งที่ถูกต้อง ป้องกันปัญหาฟันล้มหรือฟันซ้อนเกในอนาคต

การแก้ไขปัญหาการสบฟัน: การจัดฟันในเด็กช่วยแก้ไขปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติ เช่น ฟันสบลึก ฟันสบเปิด ฟันสบคร่อม ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจส่งผลต่อการบดเคี้ยว การออกเสียง และสุขภาพช่องปากโดยรวม


ระดับของการใช้ประโยชน์จากขากรรไกร:

ระดับของการใช้ประโยชน์จากขากรรไกรในการจัดฟันเด็กจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับ:

อายุของเด็ก: เด็กที่อายุน้อยกว่าและอยู่ในช่วงการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว จะสามารถปรับโครงสร้างขากรรไกรได้ง่ายกว่าเด็กโต
ประเภทของปัญหาการสบฟัน: ปัญหาบางประเภท เช่น ขากรรไกรยื่นหรือค่อม อาจต้องมีการใช้ประโยชน์จากขากรรไกรมากกว่าปัญหาฟันซ้อนเกเล็กน้อย
ความร่วมมือของเด็กและผู้ปกครอง: การใส่เครื่องมือตามคำแนะนำของทันตแพทย์และการดูแลช่องปากที่ดีมีส่วนสำคัญต่อผลลัพธ์ของการจัดฟันและการใช้ประโยชน์จากขากรรไกร

โดยสรุป: การจัดฟันในเด็กเป็นการใช้ประโยชน์จากการเจริญเติบโตของขากรรไกรอย่างมาก โดยเฉพาะในการแก้ไขปัญหาโครงสร้างขากรรไกรและการสบฟันที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นการรักษาที่ไม่สามารถทำได้ในผู้ใหญ่ การจัดฟันในเด็กจึงไม่ใช่แค่การเรียงฟันให้สวยงาม แต่ยังเป็นการส่งเสริมการเจริญเติบโตของขากรรไกรให้มีความสมดุลและแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุอีกด้วย

5
motor show: Porsche Taycan Turbo S Celestial Jade หนึ่งเดียวในโลก เตรียมโชว์ตัวในไทยก่อนเปิดประมูล

Porsche Taycan Turbo S Celestial Jade รถยนต์ไฟฟ้าสีพิเศษหนึ่งเดียวจากปอร์เช่ที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาร่วมกันระหว่าง Porsche Exclusive Manufaktur และ Porsche Asia Pacific (PAP) เปิดตัวในสิงคโปร์แล้ว โดยเป็น Taycan รุ่นปรับโฉมในเอเชียคันที่สองที่เข้าสู่ Sonderwunsch programme หลังจาก Taycan Turbo K-Edition ในเกาหลีใต้
 
สีพิเศษที่ใช้เวลาพัฒนาเป็นปี และใช้เวลาทำสีด้วยแรงคนกว่า 80 ชม.
 
สำหรับชื่อรุ่น Celestial Jade มีที่มาจากอัญมณีล้ำค่าที่เปล่งประกาย เพื่อสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา Porsche จึงสร้างสีพิเศษที่ไม่เคยทำมาก่อน คือการผสานสี Chromaflair ทั้งสองสีด้วยการไล่เฉดให้เข้ากัน
 
เฉดสีที่ให้ความสวยงามเช่นนี้ เกิดจากการสอดแทรกชั้นเกล็ดอลูมิเนียมเล็ก ๆ ที่มีความหนาเพียง 1 ไมโครเมตร (µm) ซึ่งบางกว่าเส้นผมมนุษย์ถึง 50 เท่า ประกอบด้วยสีเขียวเหลือบน้ำเงิน Urban Bamboo และสีม่วงเหลือบเขียว Shifting Carbon

 
โดยสีเหล่านี้ใช้เวลาเกือบปีในการพัฒนา และใช้เวลาทำสีกับรถคันนี้ด้วยแรงคนกว่า 80 ชั่วโมง เพื่อที่จะทำให้ได้สีอย่างที่ต้องการ
 
 
โลโก้ใหม่ จากสัตว์ในตำนานของจีน
 
Taycan Turbo S Celestial Jade ยังมาพร้อมโลโก้สำหรับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสัตว์ในตำนานของจีนอย่าง LongMa ซึ่งมีหัวเป็นมังกร (Long) และตัวเป็นม้า (Ma) โดยในโลโก้ใหม่จะมีทั้งหัวของมังกรและม้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงปีมังกรและที่มาของชื่อ Taycan (ลูกม้าที่มีชีวิตชีวา ในภาษาตุรกี) โลโก้ดังกล่าวจะอยู่ที่โครงประตู, ธรณีประตูคาร์บอนแบบเรืองแสง และพนักพิงศีรษะที่เบาะนั่ง
 
นอกจากนี้ การตกแต่งส่วนอื่น ๆ ของรุ่น Celestial Jade ประกอบด้วย วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เคลือบเงาบริเวณกันชนหน้า, สเกิร์ตข้าง และดิฟฟิวเซอร์หลัง (แทนวัสดุ Turbonite) รวมถึงแฟริ่งคาร์บอนไฟเบอร์สำหรับเพิ่มแอโร่ไดนามิกส์บนล้ออัลลอย Taycan Exclusive Design ขนาด 21 นิ้ว

 
ส่วนสีห้องโดยสารภายในมาพร้อมออพชั่นสีพิเศษ Leather to Sample ในสีเขียว Englishgreen หนึ่งในสีพิเศษทั้ง 150 เฉดที่มี โดยตัดกับสีเทา Slate Grey

 
ขุมกำลังยกมาจาก Taycan Turbo S รุ่นปรับโฉมล่าสุด
 
สำหรับขุมกำลังยังคงนำมาจาก Taycan Turbo S รุ่นปรับโฉม อย่างครบถ้วน ประกอบด้วย มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้กำลังรวมสูงสุด 775 แรงม้า (PS) และให้ 952 แรงม้า (PS) ในโหมด overboost พร้อมแรงบิดมหาศาลสูงสุดที่ 1,110 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 260 กม./ชม.
 
จับคู่กับแบตเตอรี่ขนาดความจุ 105 kWh ให้ระยะทางขับขี่ 630 กม.ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (WLTP) รวมถึงชาร์จเร็วขึ้น ด้วยความสามารถการชาร์จ DC สูงสุด 320 kW โดยชาร์จแบตฯ จาก 10-80% ได้ภายใน 18 นาทีเท่านั้น
 

ชมคันจริงในไทย เร็ว ๆ นี้
 
Porsche Taycan Turbo S Celestial Jade จะเผยโฉมคันจริงให้ชาวไทยได้รับชมแน่นอน ก่อนจะนำไปประมูลในช่วงปีหน้าเพื่อมอบรายได้ให้กับการกุศล แต่จะมาให้ชมเมื่อไหร่นั้น หากมีข้อมูลเราจะนำมารายงานให้ได้ทราบกัน

6
ทาวน์เฮ้าส์ พลีโน่ บางนา-เทพารักษ์ (Pleno Bangna - Theparak)
เริ่มต้น 2.39 ลบ.



พลีโน่ บางนา-เทพารักษ์ (Pleno Bangna - Theparak)
ทาวน์โฮม 2 ชั้น สไตล์มินิมอล โมเดิร์น พร้อมฟังก์ชันที่ลงตัวเพื่อการอยู่อาศัย ทำเลบนพื้นที่ที่ง่ายและสะดวกต่อการเดินทางใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีเขียว มาด้วยกับพื้นที่สีเขียวที่ให้ความร่มรื่นและผ่อนคลายไปกับบรรยากาศธรรมชาติ

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ        พลีโน่ บางนา-เทพารักษ์ (Pleno Bangna - Theparak)
 เจ้าของโครงการ   เอพี (ไทยแลนด์)
 แบรนด์ย่อย         พลีโน่
 ราคา                 เริ่มต้น 2.39 ลบ.

ประเภทบ้าน         ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
 ลักษณะทำเล       บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ        20 ไร่ 1 งาน 44 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน           211 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด     1 แบบ
  เนื้อที่บ้าน            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 พื้นที่ใช้สอย           ตั้งแต่ 110 ตร.ม.

จำนวนชั้น             2 ชั้น
 หน้ากว้าง             โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน       3 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ        2 คัน
 สาธารณูปโภค        สวนสาธารณะ, คลับเฮาส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., CCTV, สนามเด็กเล่น

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน        สมุทรปราการ, บางพลี, บางบ่อ, พระประแดง
 ที่ตั้ง        ซอยทองสุข 1 ถนนเทพารักษ์ ตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ สมุทรปราการ 10280

ขนส่งสาธารณะ
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเหลือง, สถานี(ลาดพร้าว - สำโรง)(ศรีเทพา)
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม, สถานี(แบริ่ง - บางปู)(สำโรง)
ใกล้ทางด่วน (ทางพิเศษบูรพาวิถี)
ใกล้ถนนสายหลัก (ถนนเทพารักษ์, ถนนกิ่งแก้ว, ถนนศรีนครินทร์, ถนนบางนา-ตราด, ถนนกาญจนาภิเษก)
ขนส่งอื่นๆ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

สถานที่สำคัญใกล้เคียง
ห้างสรรพสินค้า/ไลฟ์สไตล์
1.ตลาดสังกะสี เทพารักษ์ 4.4 กม.
2.เมกา บางนา 9.4 กม.
3.โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ สมุทรปราการ 10 กม.

สถานศึกษา
1.โรงเรียนอนุบาลสาธิตบางแก้ว 3 10 กม.
2.โรงเรียนศรีดรุณ 10 กม.

โรงพยาบาล
1.โรงพยาบาลบางนา5 6.5 กม.
2.โรงพยาบาลดีพีการแพทย์ 10 กม.
3.โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ 10 กม.

7
การทำอาหารไทยง่ายๆสร้างอาชีพได้ แนวทางอาหารไทยสุดคลาสสิกสร้างอาชีพได้

อาหารไทยเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลกด้วยรสชาติที่เข้มข้น กลิ่นหอมของเครื่องเทศและรสชาติที่สมดุลของรสหวาน เปรี้ยว เค็มและเผ็ด หากคุณกำลังมองหาวิธีง่ายๆ ในการเริ่มต้นธุรกิจอาหาร การทำอาหารไทยแบบง่ายๆ ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม ต่อไปนี้คือสูตรอาหารไทยคลาสสิกบางส่วนที่เตรียมง่าย ใช้ส่วนผสมเพียงเล็กน้อยและสามารถเปลี่ยนเป็นธุรกิจอาหารที่ทำกำไรได้

การทำอาหารไทยง่ายๆ สร้างอาชีพได้นั้นเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะอาหารไทยเป็นที่รู้จักและชื่นชอบของคนทั่วโลก หากคุณมีความสนใจที่จะเริ่มต้นธุรกิจอาหารไทย นี่คือแนวทางและเมนูอาหารที่น่าสนใจที่คุณสามารถนำไปพิจารณาได้

แนวทางการสร้างอาชีพจากอาหารไทยง่ายๆ:
เลือกลงทุนกับเมนูยอดนิยม: ศึกษาเมนูอาหารไทยที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของตลาด เน้นเมนูที่ทำง่าย วัตถุดิบหาได้สะดวก และมีต้นทุนไม่สูง

สร้างความแตกต่างและเอกลักษณ์: ปรับสูตรอาหารให้มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นำเสนอเมนูอาหารในรูปแบบที่น่าสนใจและสร้างสรรค์ เน้นใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและสดใหม่

ช่องทางการขายที่หลากหลาย: ขายอาหารผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ต่างๆเปิดร้านอาหารขนาดเล็ก หรือทำอาหารแบบเดลิเวอรี่ส่งถึงบ้าน ออกร้านขายอาหารตามตลาดนัด หรือเทศกาลต่างๆ

การตลาดและประชาสัมพันธ์: สร้างแบรนด์และเรื่องราวของร้านให้เป็นที่น่าจดจำ ใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการโปรโมทร้านและเมนูอาหารสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและรับฟังความคิดเห็นเพื่อปรับปรุง

ต่อไปนี้คือสูตรอาหารไทยคลาสสิกบางส่วนที่เตรียมง่ายใช้ส่วนผสมเพียงเล็กน้อย
1. ผัดไทย
ผัดไทยเป็นอาหารไทยที่โด่งดังที่สุดอย่างหนึ่ง ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจอาหาร ผัดไทยปรุงง่าย และไม่ต้องใช้วัตถุดิบราคาแพง
วัตถุดิบ:
เส้นก๋วยเตี๋ยว
ไข่
กุ้ง หรือ เต้าหู้
ถั่วงอก
ต้นหอม
ถั่วลิสงบด
น้ำมะขามเปียก
น้ำปลา
น้ำตาลมะพร้าว
เหตุใดจึงเป็นแนวคิดทางธุรกิจที่ดี: ผัดไทยเป็นอาหารริมทางที่ได้รับความนิยมทั่วโลก และคุณสามารถขายได้ตามตลาดอาหาร รถขายอาหาร หรือทางออนไลน์เพื่อจัดส่ง

2. ข้าวผัด
ข้าวผัดไทยเป็นเมนูง่ายๆ แต่แสนอร่อยที่สามารถทำได้ด้วยโปรตีนหลายประเภท เช่น ไก่ กุ้ง หรือปู
วัตถุดิบ:
ข้าวหอมมะลิหุงสุก
ไข่
กระเทียม
หัวหอม
ซีอิ๊วขาว
น้ำปลา
ต้นหอม
มะนาวและแตงกวาสำหรับตกแต่ง
เหตุใดจึงเป็นแนวคิดทางธุรกิจที่ดี:
ข้าวผัดเป็นอาหารจานเดียวที่สามารถทำเสร็จได้รวดเร็ว จึงเหมาะกับการซื้อกลับบ้านหรือจัดส่งถึงบ้าน

3. ส้มตำ
ส้มตำคือส้มตำเขียวสดๆ รสเผ็ดจัด เป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้ชื่นชอบอาหารไทย
วัตถุดิบ:
มะละกอดิบหั่นฝอย
มะเขือเทศเชอร์รี่
ถั่วเขียว
กระเทียม
พริก
น้ำปลา
น้ำมะนาว
น้ำตาลมะพร้าว
ถั่วลิสงคั่ว
เหตุใดจึงเป็นแนวคิดทางธุรกิจที่ดี: ส้มตำถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะส้มตำเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่สดชื่น ปรุงง่าย และเข้ากันได้ดีกับเนื้อย่างหรือข้าวเหนียว

4. ไก่ทอด
ไก่ทอดสไตล์ไทยนั้นกรอบ อร่อย และทำง่าย จึงเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน และสามารถขายตามแผงขายอาหารหรือจัดส่งถึงบ้านได้
วัตถุดิบ:
ปีกไก่หรือน่องไก่
กระเทียม
รากผักชี
น้ำปลา
ซีอิ๊วขาว
แป้งข้าวเจ้า
น้ำมันสำหรับทอด
เหตุใดจึงเป็นแนวคิดทางธุรกิจที่ดี: ไก่ทอดเป็นที่ต้องการอยู่เสมอ และไก่ทอดสไตล์ไทยมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้แตกต่างจากไก่ทอดทั่วไป

5. ต้มยำกุ้ง
ต้มยำกุ้งเป็นซุปไทยที่มีรสชาติกลมกล่อม เผ็ด เปรี้ยว และมีกลิ่นหอม
วัตถุดิบ:
กุ้ง
ตะไคร้
ใบมะกรูด
ข่า
น้ำพริก
น้ำมะนาว
น้ำปลา
เห็ด

เหตุใดจึงเป็นแนวคิดทางธุรกิจที่ดี: ต้มยำถือเป็นเมนูยอดนิยมที่สามารถขายเป็นอาหารจานเดียวหรือเป็นเซ็ตพร้อมข้าวก็เหมาะมากสำหรับร้านอาหารหรือธุรกิจจัดส่ง

เคล็ดลับการเริ่มต้นธุรกิจอาหารไทย
เริ่มต้นเล็กๆ:คุณสามารถเริ่มต้นโดยการขายอาหารจากที่บ้าน ในตลาด หรือผ่านแพลตฟอร์มการจัดส่งออนไลน์
เน้นที่อาหารจานเดียวหรือสองจาน:การเชี่ยวชาญในรายการเพียงไม่กี่รายการทำให้การปรับปรุงสูตรอาหารให้สมบูรณ์แบบได้ง่ายขึ้นและดึงดูดลูกค้าประจำได้
ใช้ส่วนผสมสดใหม่:อาหารไทยต้องใช้ส่วนผสมที่สดและมีรสชาติดี การเลือกใช้ส่วนผสมที่มีคุณภาพสูงจะช่วยสร้างความแตกต่าง
โปรโมทบนโซเชียลมีเดีย:ถ่ายรูปอาหารของคุณสวยๆ และโพสต์บน Facebook, Instagram และ TikTok เพื่อดึงดูดลูกค้า
เสนอการปรับแต่ง:ให้ลูกค้าเลือกระดับความเผ็ดหรือเพิ่มท็อปปิ้งพิเศษเพื่อทำให้จานอาหารน่ารับประทานมากขึ้น

การเริ่มต้นธุรกิจอาหารไม่จำเป็นต้องยุ่งยาก ด้วยอาหารไทยง่ายๆ เหล่านี้ คุณสามารถเปลี่ยนทักษะการทำอาหารของคุณให้กลายเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ ไม่ว่าคุณจะขายที่บ้าน รถเข็นขายอาหาร หรือร้านอาหาร อาหารไทยก็เป็นที่ต้องการอยู่เสมอ


8
คุณสมบัติฉนวนกันความร้อนโรงงานแบบไหน ช่วยประหยัดงบได้เพิ่มมากขึ้น

ธุรกิจไหนไม่ติดตั้งฉนวนกันความร้อนโรงงาน ธุรกิจนั้นจะเสียใจที่ต้องสิ้นเปลืองงบพลังงานค่าไฟ ตลอจนค่าซ่อมบำรุงดูแลเครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้าในโรงงานมากขึ้นกว่าเดิม เพราะความร้อนที่สะสมภายในโรงงานที่สูงขึ้นนั้นจะส่งผลทำให้เครื่องจักร เครื่องปรับอากาศและเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างทำงานหนักขึ้นจนเสี่ยงชำรุดเสียหายได้ง่ายก่อนอายุการใช้งานจริง

อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนการพิจารณาเลือกฉนวนกันร้อนสำหรับโรงงานนั้น ก็ยังมีสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจ เพื่อให้เราสามารถประหยัดงบประมาณในการติดตั้งเพิ่มเติมได้มากขึ้นด้วย โดยมีแนวทางในการเลือกคุณสมบัติของฉนวนกันความร้อนโรงงานที่แนะนำ ดังต่อไปนี้

1.เลือกฉนวนกันความร้อนที่แข็งแรง

ฉนวนกันความร้อนโรงงานที่ดีมีคุณภาพนั้น ไม่ใช่แค่ต้องกันความร้อนได้ดีอย่างเดียว แต่ต้องมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น ทนต่อแรงกระแทก แรงกดทับได้ดีด้วย เพราะในขั้นตอนกระบวนการติดตั้งนั้น จะต้องมีการปรับรูปฉนวนให้เข้ากับพื้นที่ ซึ่งหากฉนวนกันความร้อนไม่มีความแข็งแรงและยืดหยุ่นมากพอ ก็เสี่ยงทำให้เกิดความเสียหาย ฉนวนฉีกขาด จนทำให้ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณเพิ่มเติมได้ง่าย หรือหากฉนวนไม่แข็งแรง เมื่อใช้งานกับพื้นที่ไปสักระยะ ก็จะชำรุดเสียหายได้ง่ายกว่าปกติ

ซึ่งการรื้อถอนเพื่อติดตั้งใหม่นั้นก็จะต้องใช้งบประมาณจำนวนไม่น้อย ครั้นจะปล่อยให้ฉนวนชำรุดเสียหายต่อไป คุณภาพของการกันความร้อนก็จะด้อยลง จนไม่สามารถกันความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพตามเป้าหมาย ดังนั้น ตั้งแต่เริ่มต้นวางแผนติดตั้งฉนวนกันความร้อนโรงงาน จึงควรให้ความสำคัญกับการเลือกฉนวนกันความร้อนคุณภาพที่มีความแข็งแรง มีอายุการใช้งานที่ยาวนานเป็นหลัก


2.เลือกฉนวนที่ติดตั้งง่าย เข้ากันได้กับพื้นที่

หลายคนอาจไม่ได้นึกถึงความสำคัญในเรื่องของการติดตั้งยากหรือง่าย แต่ในความเป็นจริงคุณสมบัติในการติดตั้งง่ายนั้น ส่งผลต่องบประมาณในการติดตั้งโดยตรง ยกตัวอย่างเช่น ฉนวนกันความร้อนโรงงานที่น้ำหนักเบา ตัดแต่งง่าย ไม่ฉีกขาดง่าย ทดต่อแรงกด แรงดึงได้ดี ติดตั้งได้ทั้งกับระบบทีบาร์และฉาบเรียบนั้น จะทำให้ใช้แรงงานในการติดตั้งจำนวนน้อยกว่า และใช้เวลาในการดำเนินการติดตั้งให้แล้วเสร็จได้รวดเร็วกว่า

ทั้งนี้ ยิ่งโรงงานมีขนาดใหญ่มากเท่าไร ต้องติดตั้งฉนวนกันความร้อนในหลายจุดมากแค่ไหน เช่น ที่หลังคา ที่ผนัง ที่ระบบปรับอากาศ ฯลฯ การที่ฉนวนติดตั้งง่าย ก็จะยิ่งช่วยประหยัดเวลาและต้นทุนแรงงานติดตั้งให้เราได้มากขึ้น ตรงกันข้ามเลยหากเป็นฉนวนที่ติดตั้งยาก น้ำหนักมาก ไม่มีความยืดหยุ่น ฉีกขาดเสียหายง่าย ใช้งานได้ไม่กับทุกระบบ ก็จะทวีคูณต้นทุนแรงงาน ระยะเวลาในการติดตั้งให้เพิ่มมากขึ้นจนทำให้งบประมาณในการติดตั้งบานปลายได้แบบที่ไม่ทันคาดคิดมาก่อน


3.เลือกฉนวนกันความร้อนโรงงานที่กันความชื้นได้ดี

ไม่ว่าเราจะติดตั้งฉนวนกันความร้อนโรงงานในตำแหน่งใดก็แล้วแต่ ทุกพื้นที่ของโรงงานก็มีโอกาสถูกความชื้นเล่นงานได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความชื้นจากอากาศในวันที่ฝนตก หรือความชื้นจากการควบแน่นที่ความร้อนจากภายนอกโรงงานกระทบกับความเย็นภายในโรงงาน ซึ่งความชื้นเหล่านี้เมื่อไปอยู่กับฉนวนกันความร้อน จะทำให้ฉนวนเสื่อมคุณภาพเร็วกว่าอายุการใช้งานจริง โดยการเสื่อมสภาพของฉนวนนั้นจะทำให้คุณสมบัติในการกันความร้อนหายไป กลายเป็นเหมือนเราไม่ได้ติดตั้งฉนวนกันความร้อน

ซึ่งเราจะไม่ค่อยสังเกตรู้ได้หรอกว่า ฉนวนเสื่อมสภาพแล้วหรือไม่ หรือเสื่อมสภาพเมื่อไร บางทีกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เกิดปัญหาเกิดความเสียหายขึ้นมากแล้ว ดังนั้น ในการเลือกฉนวนกันความร้อนโรงงาน จึงควรให้ความสำคัญกับฉนวนที่มีคุณสมบัติในการกันความชื้นได้ดี มีความสามารถในการป้องกันการควบแน่นเป็นหยดน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในการวางแผนติดตั้งฉนวนกันความร้อนโรงงานนั้น ผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องใส่ใจและรอบคอบอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องที่ต้องใช้งบประมาณในการลงทุนไม่น้อย แถมยังต้องใช้เวลาที่อาจกระทบต่อกระบวนการผลิตในบางส่วนของโรงงานด้วย ดังนั้น หากการติดตั้งดำเนินการไปอย่างไม่เรียบร้อย ต้องมาแก้ไขปัญหาภายหลัง หรือเลือกใช้ฉนวนกันความร้อนที่ไม่มีคุณภาพ ก็จะยิ่งทำให้งบประมาณในการติดตั้งบานปานมากขึ้น

ฉนวนกันความร้อน คือหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ เนื่องจากเป็นฉนวนกันความร้อนคุณภาพ มาตรฐานระดับสากล ได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการโรงงานทั่วประเทศ มีความสามารถในการกันความร้อนได้ดี อายุการใช้งานยาวนาน ติดตั้งง่าย ป้องกันการควบแน่นได้ดี ทำให้เพิ่มความเร็วและประหยัดงบประมาณในการติดตั้งได้มากขึ้น

9
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


10
ปล่อยรถป้ายแดง MITSUBISHI XPANDER 1.5 GT ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

มิตซูบิชิ Mitsubishi Xpander GT ปี 2018
All New Xpander รุ่น GT นิยามใหม่ของ Crossover ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยถ่ายทอดความแข็งแกร่งและแรงบันดาลใจเพื่อสร้างเซกเมนต์ใหม่ ด้วยการผสานสมรรถนะอันแข็งแกร่งแบบรถ Crossover เข้ากับความอเนกประสงค์ในการใช้งานที่หลากหลาย และจากการถ่ายทอดความเชี่ยวชาญเรื่องการพัฒนารถอเนกประสงค์ Xpander มีความสูงจากพื้นมากกว่ารถยนต์ในกลุ่มเดียวกันที่ 205 มม. (ในรุ่น GT) ด้านดีไซน์ล้ำสมัยด้วยเอกลักษณ์การออกแบบ Advanced 'Dynamic Shield' ไฟหรี่เป็น Crystal LED ไฟหน้าเป็นมัลติรีเฟลกเตอร์แบบฮาโลเจน

All New Xpander รุ่น GT มีความกว้างสบายจากห้องโดยสารแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ตกแต่งภายในด้วยโทนสีดำ สามารถปรับเบาะที่นั่งได้อย่างอเนกประสงค์ รองรับการใช้งานได้อย่างดี เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งกุญแจอัจฉริยะ, แผงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลัง, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น, หน้าจอแสดงผลข้อมูลขนาด 4.2 นิ้ว

All New Xpander รุ่น GT ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์อลูมินัมอัลลอยเบนซิน รหัส 4A91 ขนาด 1.5 ลิตร DOHC MIVEC 16 วาล์ว ให้กำลัง 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อ Xpander

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 21 มี.ค. - 31 มี.ค. 2568
ดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.29%, ยอดจัดไม่เกิน 7 แสน,ผ่อนสูงสุด 84 เดือน
ค่าดำเนินการแคมเปญ 20,000 บาท (รวมในยอดจัดได้)

ราคาพิเศษ 564,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

ข้อมูลทั่วไป

เครื่องยนต์                       4 สูบ MIVEC DOHC 16 วาล์ว
ขนาดเครื่องยนต์ (CC)        1,499 CC
กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)     105 แรงม้า
ระบบเกียร์                       เกียร์ออโต้ 4AT
รูปแบบเกียร์                    พร้อมระบบ INC (Idle Neutral Control)
ระบบเบรค ABS               มี
ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง        เบนซิน 95,เบนซิน 91,แก๊สโซฮอล์ 95 (E10),แก๊สโซฮอล์ 91,เบนซิน E20
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)         N/A
ระบบจ่ายน้ำมัน                 หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ECI-MULTI 32 Bit
น้ำหนักตัวรถ                       -
ประเภทยางรถยนต์                -
ขนาดล้อ (นิ้ว)
ระบบขับเคลื่อน                ขับเคลื่อนล้อหน้า


11
จัดฟันเด็กแบบไหนดีกว่ากัน
 
การจัดฟันในเด็ก เป็นการรักษาทางทันตกรรมสำหรับเด็ก ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หลายคนมองว่า การจัดฟันนั้น มักจัดฟันในช่วงที่มีฟันแท้ขึ้นครบ คือ อายุประมาณ12-15 ปี ซึ่งการรักษาทางทันตกรรมจัดฟันนั้นมีด้วยกันหลายช่วงอายุ คือ สามารถจัดฟันตั้งแต่ในเด็กถึงผู้ใหญ่เลย แต่ต้องพิจารณาตามความผิดปกติและพัฒนาการขอกะโหลกศีรษะและใบหน้าร่วมด้วย แต่หากมีความผิดปกติของความสัมพันธ์ของกระดูกขากรรไกรบน-ล่าง ก็ควรจะเริ่มการรักษาตั้งแต่อายุยังน้อย


เพราะในเด็กจะสามารถแก้ไขปัญหาความผิดปกติในเรื่องขอฟันได้ดีกว่า และไม่ซับซ้อน เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามไปยังฟันซี่อื่นๆต่อไป ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครอง สามารถนำเด็กๆ อายุต่ำว่า 10 ปี มาตรวจกับทันตแพทย์จัดฟันได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวัยรุ่นหรือไม่ต้องรอให้ฟันน้ำนมหลุดออกหมด อย่างไรก็ตาม การจัดฟันในเด็กนั้น ก็มีด้วยกัน สองวิธีที่เป็นที่นิยมและสามารถแก้ไขปัญหาฟันในเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ


นั่นก็คือ การจัดฟันในเด็กแบบใช้เครื่องมือ EF LINE และการจัดฟันในเด็กที่ใช้เหล็กจัดฟันหรือเครื่องมือแบบติดแน่นที่เรามักจะคุ้นตากันอยู่แล้ว แต่พ่อแม่ผู้ปกครองจะรู้ได้อย่างไรว่า บุตรหลานของท่าน เหมาะสมที่จะเข้ารับการจัดฟันในรูปแบบใด หรือ การจัดฟันในเด็กแบบไหนจะมีประสิทธิภาพหรือดีกว่ากัน วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเรื่องของการจัดฟันในเด็กทั้งสองรูปแบบ ว่าแบบไหนเหมาะสมหรือการจัดฟันแบบไหนจะมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาฟันได้ดีกว่า เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองจะได้เป็นแนวทางในการศึกษาข้อมูลเพื่อที่จะได้พาบุตรหลานของท่านเข้ารับกาจัดฟันในเด็กและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุดจริงๆ
 
ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึงการจัดฟันในเด็กแบบใช้เครื่องมือ EF LINE ก่อน ซึ่งการจัดฟันในเด็กแบบ EF line คือ นวัตกรรมการจัดฟันรูปแบบใหม่ ที่ทำให้เด็กเล็กสามารถจัดฟันได้ตั้งแต่อายุ 4 ขวบขึ้นไป ด้วยกระบวนการจัดฟัน โดยอาศัยแรงที่ได้จากกล้ามเนื้อให้เกิดการปรับโครงสร้างกระดูกใบหน้าและให้มีการเรียงตัวของฟันที่สวยงาม ซึ่งใช้ชุดเครื่องมือที่สามารถใช้แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น


ช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูกโดยเราทราบว่ากระบวนการเจริญเติบโตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องมากน้อยตามแต่ช่วงอายุ ซึ่งเหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 4 ขวบ เพราะเด็กในวัยนี้ยังไม่สามารถให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์ในการรักษาได้ จึงเหมาะกับเครื่องมือ EF LINE มากกว่า ส่วนการจัดฟันในเด็กโดยใช้เครื่องมือแบบติดแน่น


เป็นการรักษาทางทันตกรรมด้วยการใช้เหล็กจัดฟัน เหมือนที่เราเห็นได้บ่อย เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุ 7-15 ปี เพื่อแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเด็กในวัยนี้เริ่มที่จะมีความรู้ความเข้าใจในการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันในขณะที่เข้ารับการจัดฟันอยู่ สามารถให้ความร่วมมือในการรักษากับทันตแพทย์ได้เป็นอย่างดี จึงจะทำให้การจัดฟันมีความประสบความสำเร็จ และมีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ


ดังนั้น หากพูดถึงแง่ของประสิทธิภาพของการจัดฟันทั้งสองรูปแบบ ต้องบอกว่า มีข้อดีต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัยและปัญหาของฟันของเด็ก เพราะการจัดฟันในเด็ก สิ่งที่สำคัญก็คือ การร่วมมือกับทันตแพทย์ หากเด็กไม่ให้ความร่วมมือในการรักษา ก็อาจจะทำให้การจัดฟันไม่ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวนั่นเอง จึงสรุปได้ว่า การจัดฟันทั้งสองรูปแบบมีประโยชน์ต่อเด็กอย่างแน่นอน หากได้รับการรักษาที่เหมาะสม และการร่วมมือที่ดีของผู้เข้ารับการจัดฟัน


อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรที่จะสอนให้ลูกรู้จักวิธีการดูแลรักษาความสะอาดฟันอย่างถูกวิธี ควรปลูกฝังให้เด็กตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาฟันในอนาคต มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หากท่านสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กด้วย EF Line หรือการจัดฟันในเด็กแบบใช้เครื่องมือแบบติดแน่น สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการทันตกรรมในเด็ก สามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้อง เพราะเราอยากให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่มากขึ้น มีรอยยิ้มที่สดใสสมวัยและเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น

12
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids)

ริดสีดวงทวาร เป็นภาวะที่หลอดเลือดดำที่มีอยู่ตามธรรมชาติของคนทั่วไปในบริเวณปลายลำไส้ใหญ่ (ไส้ตรง) และทวารหนักเกิดการบวม และโป่งพอง เป็นก้อน เรียกว่า "หัวริดสีดวง" แล้วมีการปริแตกของผนังหลอดเลือดขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ ทำให้มีเลือดออกเป็นครั้งคราว

ริดสีดวงทวารมีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่

1. ริดสีดวงภายนอก (external hemorrhoid) เกิดขึ้นตรงปากทวารหนัก จากที่หลอดเลือดใต้ผิวหนังเกิดการโป่งพอง ซึ่งมองเห็นจากภายนอกและสามารถคลำได้

2. ริดสีดวงภายใน (internal hemorrhoid) เกิดตรงบริเวณที่อยู่ลึกขึ้นไปในทวารหนัก จากที่หลอดเลือดบริเวณนั้นเกิดการโป่งพอง ซึ่งมักมองไม่เห็นจากภายนอกและคลำไม่ได้ จะตรวจพบเมื่อใช้กล้องส่องตรวจ หรือพบในระยะที่มีหัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนัก

ริดสีดวงภายในแบ่งได้เป็น 4 ระยะ ได้แก่

    ระยะที่ 1 หัวริดสีดวงหลบอยู่ภายใน ไม่ยื่นออกมานอกทวารหนัก อาจมีเพียงอาการเลือดออกสด ๆ ขณะถ่ายอุจจาระ
    ระยะที่ 2 หัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนักขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ และเลื่อนกลับเข้าไปได้เองเมื่อหยุดเบ่งถ่าย หรือหลังถ่ายอุจจาระเสร็จ
    ระยะที่ 3 หัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนักขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ และไม่เลื่อนกลับเข้าไปได้เองหลังถ่ายอุจจาระ ต้องใช้มือดันกลับเข้าไป
    ระยะที่ 4 หัวริดสีดวงยื่นย้อยออกมานอกทวารหนักตลอดเวลา ไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ และอาจรู้สึกปวด

ริดสีดวงทวาร อาจพบเป็นเพียงหัวเดียวหรือหลายหัวก็ได้ และอาจเป็นริดสีดวงทวารภายนอกร่วมกับริดสีดวงทวารภายในก็ได้

โรคนี้พบได้บ่อยในคนทั่วไป พบเป็นสาเหตุอันดับแรก ๆ ของอาการถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด และเมื่อยิ่งมีอายุมากขึ้นจะยิ่งพบได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพบได้บ่อยในคนอายุมากกว่า 50 ปี เนื่องจากเนื้อเยื่อบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลายเริ่มอ่อนแอและมีการยืดตัว

โดยทั่วไปจะไม่ค่อยมีอาการรุนแรงหรืออันตราย แต่อาจเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง น่ารำคาญ หรือทำให้วิตกกังวล โดยมากมักจะมีอาการเวลาท้องผูก หรือท้องเดินบ่อยครั้ง

สาเหตุ

โรคนี้เกิดจากเครือข่ายของหลอดเลือดเฮมอร์รอยด์ (hemorrhoidal plexus) ที่บริเวณผนังของไส้ตรง (rectum) ส่วนล่าง และทวารหนัก (anus) เกิดการบวมหรือโป่งพอง เนื่องจากมีภาวะความดันสูงในหลอดเลือดดำ (ของเครือข่ายหลอดเลือดดังกล่าว) จากเหตุปัจจัยต่าง ๆ อาทิ

    การเบ่งถ่ายอุจจาระหรือนั่งถ่ายอุจจาระนาน ๆ 
    อาการท้องผูก หรือท้องเดินเรื้อรัง
    การนั่งนาน ๆ หรือยกของหนัก
    การกินอาหารที่มีกากใยน้อย
    การขาดการออกกำลังกาย
    การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
    น้ำหนักมาก หรือภาวะอ้วน
    ภาวะตั้งครรภ์
    ไอเรื้อรัง

นอกจากนี้ ยังอาจพบร่วมกับโรคในช่องท้อง เช่น ตับแข็ง (ทำให้มีภาวะความดันในหลอดเลือดดำตับสูง ซึ่งส่งผลกระทบมาที่หลอดเลือดดำที่ทวารหนัก) โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (inflammatory bowel disease) ก้อนเนื้องอกในท้อง (เช่น เนื้องอกมดลูก เนื้องอกหรือถุงน้ำรังไข่) ท้องมาน (ภาวะท้องบวมน้ำ) มะเร็งลำไส้ใหญ่ ต่อมลูกหมากโต เป็นต้น

บางคนอาจมีประวัติว่ามีพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นโรคนี้

บางคนอาจเกิดโรคนี้โดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจนก็ได้


อาการ

ส่วนมากจะมีอาการเลือดออกทางทวารหนัก เป็นเลือดแดงสด เกิดขึ้นขณะเบ่งถ่ายหรือหลังถ่ายอุจจาระ อาจสังเกตมีเลือดเปื้อนกระดาษชำระ หรือเคลือบที่ผิวอุจจาระ หรือมีเลือดไหลออกเป็นหยดลงโถส้วม เลือดที่ออกจะไม่ปะปนกับอุจจาระและไม่มีมูกร่วมด้วย แต่ละครั้งเลือดออกไม่มากและหยุดได้เอง โดยไม่มีอาการเจ็บปวด เมื่อถ่ายครั้งใหม่ก็จะมีเลือดออกได้อีก ส่วนใหญ่มักมีอาการถ่ายเป็นเลือดอยู่ 2-3 วัน แล้วหายไปเอง

สำหรับริดสีดวงทวารภายนอก อาจมีอาการระคายเคืองหรือคันรอบ ๆ ปากทวารหนัก หรืออาจคลำพบติ่งเนื้อนิ่ม ๆ ที่ขอบทวารหนัก ในรายที่มีลิ่มเลือดอุดตันแทรกซ้อนจะมีอาการปวดรุนแรง และคลำได้ก้อนแข็งที่บริเวณทวารหนัก

สำหรับริดสีดวงทวารภายใน ในระยะแรกมักตรวจไม่พบหัวริดสีดวง ต่อเมื่อเป็นระยะที่มีหัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนัก จะพบว่ามีก้อนเนื้อนิ่ม ๆ ยื่นออกมานอกขอบทวารหนักขณะถ่ายอุจจาระ ซึ่งมักเลื่อนกลับเข้าไปได้เองเมื่อหยุดเบ่งถ่าย หรือใช้มือดันกลับเข้าไปได้ แต่ถ้ายื่นออกมานอกทวารหนักตลอดเวลา ไม่สามารถเลื่อนกลับเข้าไปได้ อาจทำให้รู้สึกปวด 

ถ้ามีเลือดออกมากหรือเรื้อรัง อาจมีอาการอ่อนเพลียและซีดได้


ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่แม้ว่าจะมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย แต่มักไม่มีภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่ปล่อยให้มีอาการเรื้อรัง อาจมีการเสียเลือดเรื้อรัง เกิดภาวะโลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็กได้

นอกจากนี้ ในรายที่เป็นริดสีดวงภายในระยะรุนแรง หัวริดสีดวงอาจยื่นออกมาย้อยที่ปากทวารหนัก ถูกกล้ามเนื้อหูรูดบีบรัด ทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยง เรียกว่า "ริดสีดวงชนิดถูกบีบรัด (strangulated hemorrhoid)" มีอาการเกิดก้อนเจ็บที่ขอบทวารหนัก ซึ่งก้อนจะโตขึ้นเร็วใน 24 ชั่วโมงแรก และรู้สึกเจ็บมากในระยะ 5-7 วันแรก มักมีน้ำเมือกและเลือดซึม และถ่ายลำบาก อาการจะค่อยทุเลา หายเป็นปกติประมาณ 2 สัปดาห์ไปแล้ว ผู้ป่วยอาจมีประวัติว่าเคยเป็นริดสีดวงมาก่อนหรือไม่ก็ได้

ส่วนโรคริดสีดวงภายนอก อาจเกิดลิ่มเลือดขึ้นในหัวริดสีดวง เรียกว่า "ริดสีดวงทวารชนิดมีลิ่มเลือดอุดตัน (thrombosed hemorrhoid)" ทำให้ริดสีดวงเกิดการอักเสบ บวม มีอาการปวดรุนแรงขณะนั่ง เดิน และถ่ายอุจจาระ และคลำได้ก้อนแข็งที่บริเวณทวารหนัก ผู้ป่วยจะมีอาการปวดมากใน 24-48 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นลิ่มเลือดจะค่อย ๆ ถูกดูดซึมไป อาการจะค่อย ๆ ทุเลา และอาจหายเป็นปกติได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์ หลังหายแล้วอาจพบเนื้อเยื่อบริเวณนั้นกลายเป็นติ่งหนัง (skin tag)   

ผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวบางรายอาจมีอาการรุนแรงจนต้องรีบไปให้แพทย์รักษา


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย รวมทั้งการตรวจทวารหนัก

ในรายที่มีอาการเล็กน้อย อาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นริดสีดวงทวารภายใน ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในลำไส้ใหญ่

บางรายอาจตรวจพบก้อนหรือติ่งหนัง (skin tag) ที่ขอบทวารหนัก หรือก้อนเนื้อนิ่มที่ยื่นโผล่ออกมาที่ปากทวารหนัก

หากยังวินิจฉัยได้ไม่ชัดเจน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนอายุมากกว่า 40 ปี หรือมีอาการเรื้อรัง) หรือสงสัยมีความผิดปกติอื่นในลำไส้ใหญ่หรือช่องท้อง หรือมีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น ใช้กล้องส่องตรวจลำไส้ใหญ่ (anoscopy/proctoscopy/sigmoidoscopy/colonoscopy) ตรวจเลือด อุจจาระ ปัสสาวะ การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรืออัลตราซาวนด์ เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ในรายที่มีอาการเล็กน้อย คือมีเลือดออกเล็กน้อยขณะเบ่งถ่ายหรือหลังถ่ายอุจจาระ ไม่มีอาการเจ็บปวด แนะนำให้ผู้ป่วยสังเกตอาการ เวลาถ่ายอุจจาระพยายามไม่เบ่งแรง และไม่นั่งถ่ายนาน ๆ อย่านั่งนาน ๆ และไม่ยกของหนัก

ถ้าจำเป็นอาจให้การรักษาอาการท้องผูกหรือท้องเดินที่เป็นสาเหตุที่ทำให้อาการกำเริบ

สำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูก แนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวเพื่อให้อุจจาระนุ่มและถ่ายง่าย (ดูหัวข้อ "การดูแลตนเอง" ด้านล่าง)

2. ถ้ามีอาการปวดริดสีดวงทวารเนื่องจากมีการอักเสบ แนะนำให้ผู้ป่วยนั่งแช่ในน้ำอุ่นจัด ๆ (ขนาดร้อนพอทน หรือประมาณ 40 องศาเซลเซียส) วันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที แล้วใช้ผ้านุ่ม ๆ ซับให้แห้ง

ถ้าปวดมากให้ยาแก้ปวด-พาราเซตามอล หรือยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนก) ควรหลีกเลี่ยงยาแก้ปวดที่เข้าสารฝิ่นหรืออนุพันธ์ของฝิ่น เพราะอาจทำให้ท้องผูก นอกจากนี้อาจใช้ยาชาชนิดเจล (ที่มีตัวยา lidocaine) ทาระงับปวด

นอกจากนี้ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาเหน็บริดสีดวงทวาร หรือยาทาที่มีตัวยาสเตียรอยด์ผสมกับยาชา (เช่น ยาที่มีชื่อการค้าว่า "Proctosedyl" "Doproct" "Scheriproct N" ชนิดเหน็บทวาร หรือชนิดขี้ผึ้ง/ครีมสำหรับใช้ทา วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น และหลังถ่ายอุจจาระ) เพื่อลดการอักเสบ บรรเทาอาการปวดและคัน (จะหยุดใช้เมื่ออาการทุเลาแล้ว จะไม่ใช้นานเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจะทำให้ผิวบาง)

3. ถ้ามีภาวะซีดจากการเสียเลือดเรื้อรัง ให้ยาบำรุงโลหิต

4. ถ้าหัวริดสีดวงหลุดออกมาข้างนอก แพทย์จะใส่ถุงมือใช้ปลายนิ้วชุบสบู่ให้หล่อลื่น แล้วดันหัวกลับเข้าไป

5. ถ้าริดสีดวงภายนอกมีลิ่มเลือดอุดตัน มีอาการปวดรุนแรง แพทย์จะทำการกรีดเอาลิ่มเลือดออกไป ซึ่งจะช่วยให้ทุเลาปวดได้ทันที (จะได้ผลดีภายใน 72 ชั่วโมงหลังเกิดลิ่มเลือด) หลังจากนั้นแนะนำให้ผู้ป่วยแช่น้ำอุ่นจัด ๆ และใช้ยาทาหรือยาเหน็บริดสีดวงทวาร 

6. ถ้าให้การรักษาดังกล่าวข้างต้นไม่ได้ผล มีอาการปวดมาก หรือมีเลือดออกเรื้อรัง หรือมีหัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนักบ่อยหรือดันกลับเข้าไปไม่ได้ แพทย์อาจทำการรักษาด้วย "หัตถการที่ไม่ใช่การผ่าตัด" วิธีใดวิธีหนึ่ง ดังนี้

    การใช้ยางรัด (rubber band ligation) รัดรอบ ๆ หัวริดสีดวงภายใน ทำให้เลือดไปเลี้ยงไม่ได้ หัวริดสีดวงก็จะเหี่ยวแห้งและหลุดออกเองภายใน 1 สัปดาห์ วิธีนี้มีอัตราการหายขาดค่อนข้างสูง แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น อาการปวดถ่วงในทวารหนัก เลือดออก (ไม่มากและหยุดเองได้) หัวริดสีดวงอักเสบ (บวม เจ็บ) และย้อยออกมาได้ 
    การฉีดสารก่อกระด้าง (sclerotherapy) เข้าที่หัวริดสีดวง ทำให้ริดสีดวงฝ่อไป วิธีนี้ใช้ได้ผลดี เหมาะสำหรับริดสีดวงภายในระยะที่ 1 และ 2 มีความสะดวก ปลอดภัย ไม่มีความเจ็บปวด แต่มีอัตราการหายขาดน้อยกว่าการใช้ยางรัด
    การรักษาด้วยแสงเลเซอร์ อินฟราเรด หรือความร้อน (laser, infrared or bipolar photocoagulation) ทำให้หัวริดสีดวงแข็งและยุบลง วิธีนี้ใช้สำหรับรักษาริดสีดวงภายในที่มีขนาดเล็กและกลาง มีผลข้างเคียงน้อย แต่มีอัตราการกำเริบใหม่มากกว่าการใช้ยางรัด

7. ถ้าเป็นมาก มีภาวะแทรกซ้อน หรือรักษาด้วยยาและหัตถการต่าง ๆ แล้วไม่ได้ผล แพทย์ก็จะรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งมีให้เลือกวิธีใดวิธีหนึ่ง ดังนี้

    การผ่าตัดเอาหัวริดสีดวงออก (hemorrhoidectomy) ซึ่งเป็นการผ่าตัดแบบดั้งเดิม โดยเลาะเอาเนื้อเยื่อบริเวณที่เป็นริดสีดวงทวารออก วิธีนี้ให้ผลการรักษาดี มีโอกาสในการกลับมากำเริบใหม่น้อย แต่อาจมีผลข้างเคียงคือ ทำให้เกิดภาวะปัสสาวะคั่ง (ถ่ายปัสสาวะไม่ออก) และการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะได้
    การผ่าตัดโดยใช้เครื่องมือเย็บติด (stapled hemorrhoidectomy/stapled hemorrhoidopexy) เป็นการใช้เครื่องมือคล้ายเครื่องยิงลวดทำการตัด เย็บ และผูกหัวริดสีดวง ปิดกั้นเลือดที่จะไปเลี้ยงบริเวณที่เป็นริดสีดวงทวาร ทำให้หัวริดสีดวงเกิดการฝ่อและหลุดไป วิธีนี้เหมาะสำหรับการรักษาริดสีดวงทวารภายในเท่านั้น วิธีนี้ทำให้เกิดการเจ็บปวดน้อยกว่า และฟื้นตัวได้เร็วกว่าการผ่าตัดแบบดั้งเดิม แต่มีความเสี่ยงต่อการกำเริบใหม่ และภาวะไส้ตรงยื่นย้อย (rectal prolapse) มากกว่าการผ่าตัดแบบดั้งเดิม และอาจเกิดผลแทรกซ้อน เช่น เลือดออก ปัสสาวะไม่ออก เกิดการติดเชื้อ เป็นต้น

ผลการรักษา ผู้ที่มีอาการเล็กน้อยซึ่งพบได้เป็นส่วนใหญ่ สามารถให้การรักษาตามอาการ ทำให้อาการทุเลาได้ แต่มีโอกาสกลับมากำเริบเป็นครั้งคราวเวลาท้องผูกหรือท้องเดิน

ในรายที่มีความจำเป็นต้องรักษาด้วยหัตถการที่ไม่ใช่การผ่าตัด (เช่น การใช้ยางรัด) มีโอกาสกำเริบใหม่ภายใน 5-10 ปี ถึงร้อยละ 30-50 ส่วนในรายที่รักษาด้วยการผ่าตัดมีโอกาสกำเริบใหม่น้อยกว่าร้อยละ 5


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น ถ่ายอุจจาระออกเป็นเลือดสด มีอาการคันหรือเจ็บที่ทวารหนัก มีก้อนยื่นออกมาที่ปากทวารหนักตอนถ่ายอุจจาระ หรือคลำพบก้อนที่ปากทวารหนัก ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นริดสีดวงทวาร  ควรดูแลตนเองดังนี้

    รักษาและใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์
    เวลาถ่ายอุจจาระอย่านั่งนาน และไม่เบ่งแรง (ผ่อนแรงเบ่งด้วยการอ้าปากและค่อย ๆ หายใจออกทางปาก)
    ไม่นั่งนาน ๆ และไม่ยกของหนัก
    ถ้ามีอาการท้องผูก ควรปฏิบัติดังนี้

- ดื่มน้ำมาก ๆ วันละประมาณ 8-12 แก้ว (2-3 ลิตร) 
- กินอาหารที่มีกากใยสูง (ผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ธัญพืช) ให้มาก ๆ
- งดดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทำให้ท้องผูกได้
- ออกกำลังกายเพื่อควบคุมน้ำหนัก (ภาวะน้ำหนักเกินมีผลต่อการกำเริบของโรค) และป้องกันท้องผูก
- ถ่ายอุจจาระเป็นเวลาทุกวัน และอย่าอั้นถ่ายเวลามีอาการปวดถ่ายอุจจาระ
- กินสารเพิ่มกากใย และ/หรือยาระบายตามคำแนะนำของแพทย์

    ถ้าปวดริดสีดวงทวาร นั่งแช่น้ำอุ่น ใช้ยาแก้ปวด และใช้ยาเหน็บหรือยาทาริดสีดวงทวารตามคำแนะนำของแพทย์

ควรกลับไปพบแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีเลือดออกมาก มีภาวะซีด รู้สึกอ่อนเพลียมาก หรือเวลาลุกนั่งมีอาการหน้ามืดจะเป็นลม
    มีอาการปวดริดสีดวงมาก
    หัวริดสีดวงยื่นออกมาที่ปากทวารหนัก และไม่เลื่อนกลับเข้าไปได้เอง
    น้ำหนักลด ปวดท้องบ่อย ท้องผูกเรื้อรัง ท้องเดินเรื้อรัง หรือมีอาการท้องผูกสลับท้องเดิน
    มีอาการถ่ายเป็นเลือดนานเกิน 1 สัปดาห์ หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย
    มีประวัติกินยาต้านเกล็ดเลือด (เช่น แอสไพริน โคลพิโดเกรล ) หรือสารกันเลือดเป็นลิ่ม (เช่น วาร์ฟาริน)
    มีความวิตกกังวล
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปใช้ที่บ้าน ถ้าใช้ยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หน้ามืด หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

การป้องกันไม่ให้เกิดโรคนี้ หรือช่วยป้องกันไม่ให้โรคกำเริบ ควรระวังอย่าให้ท้องผูก และลดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดอาการ ดังนี้

    ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ลดน้ำหนักถ้าอ้วนหรือน้ำหนักเกิน
    กินอาหารที่มีกากใยมาก (เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ธัญพืช) กรณีที่กินอาหารประเภทนี้ไม่มากพอ ให้กินสารเพิ่มกากใยเสริม 
    ดื่มน้ำมาก ๆ วันละประมาณ 8-12 แก้ว (2-3 ลิตร) 
    ออกกำลังกายเป็นประจำ 
    ถ่ายอุจจาระเป็นเวลาทุกวัน และอย่าอั้นถ่ายเวลามีอาการปวดถ่ายอุจจาระ
    เวลาถ่ายอุจจาระอย่านั่งนาน (เช่น นั่งอ่านหนังสือ เล่นโทรศัพท์มือถือ) และไม่เบ่งแรง
    หลีกเลี่ยงการนั่งนาน ๆ และไม่ยกของหนัก


ข้อแนะนำ

1. อาการถ่ายเป็นเลือดแม้ว่าส่วนใหญ่จะเกิดจากแผลปริที่ขอบทวารหนักและริดสีดวงทวาร และสามารถให้การดูแลรักษาตนเองตามคำแนะนำของแพทย์ได้ แต่ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นที่ร้ายแรงได้ เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (inflammatory bowel disease) ดังนั้น ถ้ามีอาการผิดแปลกไปจากอาการริดสีดวงที่เคยเป็น หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมกับอาการถ่ายเป็นเลือด (เช่น มีเลือดออกมากหรือเรื้อรัง มีอาการอ่อนเพลีย ท้องเดินเรื้อรัง หรือน้ำหนักลด) หรือพบในคนอายุมากกว่า 40 ปี หรือมีประวัติโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในครอบครัว ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้ชัดเจน

2. ผู้ที่มีอาการถ่ายเป็นเลือดจากริดสีดวงทวาร ซึ่งมีอาการเล็กน้อย และมีอาการเป็นครั้งคราว อาจคิดว่าไม่เป็นอะไรมาก และอาจมีความอายที่จะไปพบแพทย์ จะลองรักษาตนเอง หรือปล่อยปละละเลย จะไปพบแพทย์ต่อเมื่อเกิดภาวะซีดจากการเสียเลือดเรื้อรัง หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา หรือพบว่าเป็นโรคร้ายแรงอื่น ๆ ซึ่งมักมีความยุ่งยากในการรักษา ดังนั้นควรแนะนำให้คนทั่วไปมีความตระหนักรู้ในเรื่องอาการถ่ายเป็นเลือด และการดูแลรักษาที่ถูกต้อง

3. ผู้ที่มีประวัติกินยาต้านเกล็ดเลือด (เช่น แอสไพริน โคลพิโดเกรล) หรือสารกันเลือดเป็นลิ่ม (เช่น วาร์ฟาริน) ซึ่งใช้รักษาและป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด หากมีอาการถ่ายเป็นเลือด อาจมีเลือดออกรุนแรงได้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อปรับยาให้เหมาะสม

13
บริการทำความสะอาด: กำจัดคราบสกปรกบนพรมให้หายเกลี้ยง

ในเรื่องของความสะอาดภายในบ้าน ถือว่าเป็นเรื่องที่แม่บ้านหลายคนอาจจะเป็นกังวลใจ เพราะเมื่อทำความสะอาดไปแล้ว สุดท้ายบ้านของเราก็จะกลับมาสกปรกอีก แต่อย่างไรก็ตาม บ้านของเราก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดฝุ่นสะสมจนทำให้เกิดปัญหาสุขภาพของคนในบ้าน เชื่อว่า หลายคนอยากอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี บรรยากาศที่สดชื่น หายใจได้อย่างสะดวกและรู้สึกดี ดังนั้น ในบ้านเราจะต้องมีความสะอาดมาเป็นอันดับแรก หลายบ้านใช้เวลาร่วมกันอยู่ในห้องรับแขก


ซึ่งเป็นมุมโปรดของใครหลายๆคน ซึ่งในห้องรับแขกของบ้านเราก็จะต้องมีความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อใช้ต้อนรับแขก สิ่งที่อยู่ภายในห้องก็ต้องมีความสะอาด ปราศจากฝุ่นหรือครายสกปรกด้วย เช่น พรมในห้องรับแขก เป็นสิ่งที่ใช้ตั้งเพื่อความสวยงาม ทำให้บรรยากาศภายในดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน พรมก็ยังเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นและเชื้อโรคด้วย หรือบางครั้งที่เราเผลอทำน้ำหกบนพรม มันก็จะทิ้งคราบไว้อย่างชัดเจน และยิ่งนานวัน คราบก็จะยิ่งชัดขึ้น ทำให้ไม่สวย ไม่น่ามอง ดังนั้น วันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการกำจัดคราบสกปรกบนพรมให้กลับมาสะอาดเอี่ยมอีกครั้ง เพื่อให้บ้านของเราน่าอยู่มากยิ่งขึ้น และยังช่วยกำจัดฝุ่นที่อยู่ในพรมได้อีกด้วย เพื่อเป็นแนวทางให้กับแม่บ้านหลายคนที่กำลังหนักใจกับการทำความสะอาดพรมด้วย

สำหรับปัญหาพรมเลอะเทอะ พรมสกปรกที่ไม่สามารถซักเองได้หรือถ้าจะต้องซักทำความสะอาดพรมมันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ แต่มันก็มีเคล็ดลับที่จะช่วยทำความสะอาดพรมให้กลับมาสวยเหมือนใหม่อีกครั้ง แต่ก็ต้องดูด้วยว่า คราบที่ติดอยู่บนพรมนั้น เป็นคราบอะไรเกิดจากอะไร เพื่อที่จะได้ทำความสะอาดได้อย่างถูกต้องด้วย


ปัญหาหมากฝรั่งติดพรม

ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะเราสามารถใช้ไดร์เป่าผมและพลาสติกห่ออาหารมากำจัดคราบหมากฝรั่งออกได้ โดยนำไดร์เป่าผม มาเป่าด้วยลมอุ่นเพื่อให้หมากฝรั่งอ่อนตัว จากนั้นก็ใช้พลาสติกห่ออาหารหยิบออก แต่ถ้าหากยังเหลือคราบเหนียวๆ เกาะอยู่ ก็ใช้น้ำยาทำความสะอาดพรมกำจัดอีกรอบและเช็ดด้วยผ้าสะอาดอีกครั้ง ตามด้วยเป่าให้แห้งก็เรียบร้อยแล้ว


คราบสนิม

ซึ่งอาจจะมาจากขาโต๊ะหรือตู้ที่เราตั้งไว้นานๆ พอขยับหรือเลื่อน ก็อาจมีคราบสนิมเกิดขึ้น ซึ่งวิธีกำจัดคราบสนิมเพียงบีบน้ำมะนาวลงไปบนคราบแล้วรอประมาณ 5 นาที จากนั้นใช้ผ้าเนื้อหนาเช็ดออกแล้วเทน้ำส้มสายชูลงไปทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที แล้วเช็ดออกและใช้น้ำสบู่ถูบริเวณที่ทำความสะอาด แล้วค่อยๆ ใช้ผ้าสะอาดซับน้ำเปล่า มาถูบริเวณที่ทำความสะอาดอีกครั้ง เพียงเท่านี้พรมก็จะกลับมาสะอาดเหมือนเดิมแล้ว


คราบอาหาร

ก็สามารถทำได้ เพราะเชื่อว่าหลายบ้านที่ปูพรมในห้องนั่งเล่นหรือห้องรับประทานอาหารนั้น คงยากที่จะหลีกเลี่ยงคราบอาหารไม่ว่าจะน้ำแกง ของหวานหรือน้ำผลไม้ ที่อาจทำให้เกิดคราบบนพรมได้ทั้งนั้น ซึ่งวิธีทำความสะอาดนั้นง่ายมากเพียงโรยเกลือหรือผงซักฟอกลงบนคราบแล้วทิ้งไว้สักพักเพื่อรอให้คราบถูกดูดซับ จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำสบู่มาเช็ดทำความสะอาดจนพื้นพรมไม่เหลือคราบของผงซักฟอกหรือเกลือเพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย


คราบกาแฟ ช็อกโกแลต ไวน์ หรือคราบเลือด

อันดับแรกควรรีบซับออกโดยด่วน โดยห้ามเช็ดหรือถูให้คราบกระจายตัว จากนั้นนำน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1:2 ฉีดหรือพรมลงบนคราบและค่อยๆ ซับออกอีกครั้ง ก็จะช่วยให้คราบเริ่มจางลงได้ แต่อาจจะต้องทำโดยทันทีไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะไม่งั้นอาจจะกำจัดออกได้ยาก ทั้งหมดนี้ก็คือ เคล็ดลับที่จะช่วยทำให้พรมกลับมาใหม่เหมือนเดิม โดยไม่ต้องออกแรงซักให้เหนื่อยเลย เบาแรงแม่บ้านไปได้เยอะเลยทีเดียว

ดังนั้น ทางเราจึงเน้นย้ำมาตลอดว่า ในเรื่องของความสะอาดภายในบ้านเป็นสิ่งที่สำคัญและดีต่อสุขภาพของคนในบ้าน โดยทางเรามีบริการรักษาสิ่งแวดล้อมในสถานที่ทำงานให้สะอาด สะดวก และถูกสุขลักษณะ มีการพัฒนารูปแบบการทำความสะอาดให้เหมาะสมกับธุรกิจที่หลากหลายของลูกค้า ตรงเป้าหมาย เพราะเราให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้ ความ สามารถ และมีทัศนคติที่ดีในการทำงานเพื่อที่จะส่งมอบบริการต่าง ๆให้กับ ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

14
หมอออนไลน์: ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ (Atopic dermatitis)

ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ (ผื่นแพ้จากกรรมพันธุ์ ก็เรียก) เป็นโรคที่พบบ่อยในทารก เด็กโต และคนหนุ่มคนสาว ผู้หญิงและผู้ชายมีโอกาสเป็นเท่ากัน เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ ทั้งผู้ป่วยและครอบครัวมักจะมีประวัติโรคภูมิแพ้ เช่น หืด หวัดภูมิแพ้ ลมพิษ มักตรวจพบว่าผู้ป่วยมีสารภูมิแพ้ ที่เรียกว่า อิมมูโนโกลบูลินอี (immunoglobulin E) หรือไอจีอี (IgE) ในเลือดสูงกว่าปกติ

อาการผื่นคันส่วนมากจะเกิดขึ้นโดยหาสาเหตุที่แน่นอนไม่ได้ บางรายอาจพบว่าแพ้อาหาร นมวัว (ทารกที่กินนมวัว มีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าทารกที่กินนมมารดา) ฝุ่นละออง สบู่ ขนสัตว์ อากาศร้อน หรืออากาศหนาว แสงแดด เป็นต้น

นอกจากนี้ การได้รับบาดเจ็บ หรือเป็นโรคติดเชื้อของผิวหนังหรือทางเดินหายใจ ก็อาจกระตุ้นให้เกิดอาการได้

ผู้ที่เป็นโรคนี้มีโอกาสเป็นโรคผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส และเด็กที่เป็นโรคนี้ เมื่อโตขึ้นอาจเป็นโรคหวัดภูมิแพ้หรือโรคหืดตามมา

สาเหตุ

เกิดจากการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์


อาการ

แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะทารก ระยะเด็ก และระยะผู้ใหญ่

ระยะทารก มักจะเริ่มมีอาการตั้งแต่อายุได้ 2-6 เดือน (เฉลี่ย 4 เดือน) โดยมีอาการผื่นแดง และตุ่มน้ำใสคัน

บางครั้งมีลักษณะเป็นหนังแห้งกว่าปกติ เป็นขุย และเป็นสะเก็ดขึ้นที่จมูก แก้ม หน้าผาก ศีรษะ ซึ่งมักจะขึ้นพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง ซึ่งมีลักษณะรอยโรคคล้ายคลึง

บางครั้งอาจลามไปที่ลำตัวตอนบน แขนขา และบริเวณที่สัมผัสผ้าอ้อม

มักจะเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง อาการมักจะกำเริบขณะฟันจะขึ้น หรือมีการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ

ส่วนมากจะหายได้เมื่ออายุ 2-4 ปี ในพวกที่ไม่หายก็จะเข้าสู่อาการในระยะเด็ก

ระยะเด็ก จะขึ้นเป็นผื่นแดง อาจมีตุ่มน้ำปน มีอาการคันมาก เมื่อเกาหรือถูมาก ๆ หนังอาจหนาขึ้น มักพบในบริเวณข้อพับ เช่น แขนพับ ข้อมือ ขาพับ ข้อเท้า รอบคอ มักเป็นทั้งสองข้างของร่างกายคล้ายคลึงกัน

บางรายอาจเกาจนน้ำเหลืองเยิ้ม หรือเป็นหนองจากการติดเชื้อแบคทีเรีย อาจพบมีต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียงมีการอักเสบร่วมด้วย

ระยะผู้ใหญ่ จะมีผื่นคันที่ข้อพับต่าง ๆ เช่นเดียวกับที่พบในระยะเด็ก อาการมักจะกำเริบเวลามีภาวะเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ หรือในระยะก่อนมีประจำเดือน อาการจะน้อยลงเมื่ออายุ 20 กว่าปี และจะค่อย ๆ หายไปเมื่ออายุ 30 ปี


ภาวะแทรกซ้อน

อาจมีอาการคันมากจนทำให้นอนหลับไม่สนิท หรืออาจเกาจนมีน้ำเหลืองเยิ้ม ทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย (กลายเป็นตุ่มหนอง หรือแผลพุพอง) หรือเชื้อรา (กลายเป็นโรคเชื้อราที่ผิวหนัง เช่น โรคเชื้อราแคนดิดา) หรือเชื้อไวรัส

ถ้าติดเชื้อเริม (ซึ่งเป็นไวรัส) อาจเป็นเริมชนิดรุนแรงได้ เรียกว่า “Eczema herpeticatum”

ในรายที่เป็นเรื้อรังอาจเกาเป็นนิสัย ทำให้ผิวหนังหนาตัว มีสีคล้ำ เรียกว่า “Neurodermatitis” หรือ “Lichen simplex chronicus” ซึ่งบางคนเรียกว่า “โรคเรื้อนกวาง” โดยไม่เกี่ยวกับโรคเรื้อน และไม่เป็นโรคติดต่อแบบโรคเรื้อนแต่อย่างใด

อาจกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสมาธิในการทำงาน หรืออาจรู้สึกอาย ขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าเข้าสังคม

เด็กที่เป็นโรคนี้ อาจพบว่าเป็นต้อกระจกตั้งแต่อายุ 20-40 ปี ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากตัวโรคเอง หรือเกิดจากการใช้สเตียรอยด์ติดต่อกันนาน ๆ ก็ได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบผื่นแดงและตุ่มน้ำใส ผิวหนังอาจมีลักษณะหนาตัวขึ้น บางครั้งอาจพบมีน้ำเหลืองเยิ้ม

บางราย แพทย์อาจทำการทดสอบทางผิวหนัง โดยวิธี patch test (ใช้น้ำยาที่มีสารต่าง ๆ ปิดที่หลัง แล้วดูปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น)


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ทาด้วยครีมสเตียรอยด์ เช่น ครีมไตรแอมซิโนโลนอะเซโทไนด์

2. ถ้าคันมากให้ยาแก้แพ้ เช่น คลอร์เฟนิรามีน ไดเฟนไฮดรามีน หรือไฮดรอกไซซีน

3. หากไม่ได้ผล หรือเป็นรุนแรง แพทย์จะให้กินสเตียรอยด์ (เช่นเพร็ดนิโซโลน) ในช่วงระยะสั้น ๆ (จะไม่ให้ต่อเนื่องนาน ๆ อาจเกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงได้)

4. ถ้าเป็นตุ่มหนองหรือพุพอง ควรชะล้างด้วยน้ำเกลือ และให้ยาปฏิชีวนะ เช่น ไดคล็อกซาซิลลิน หรืออีริโทรไมซิน


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการผื่นแดงหรือตุ่มคัน ตามผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา ใช้ยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงอาหารและการสัมผัสถูกสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการ


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 1 สัปดาห์ หรือมีอาการกำเริบใหม่ 
    ผื่นกลายเป็นตุ่มหนอง แผลพุพอง เป็นโรคเชื้อราที่ผิวหนัง หรือน้ำเหลืองไหล
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

    รักษาอุณหภูมิรอบตัวให้พอเหมาะ อย่าให้ร้อนหรือหนาวไป อย่าอาบน้ำร้อน อย่าใส่เสื้อผ้าหนาหรืออบเกินไป
    อย่าอาบน้ำบ่อย ควรอาบน้ำวันละครั้ง นานไม่เกิน 10-15 นาที อาบน้ำอุ่น และใช้สบู่อ่อนถูตัว หลังอาบน้ำเช็ดตัวให้แห้งแล้วใช้ครีม หรือครีมบำรุงผิว หรือปิโตรเลียมเจลลี่ทา
    ใช้โลชั่นหรือครีมบำรุงผิว หรือปิโตรเลียมเจลลี่ทาให้เกิดความชุ่มชื้น อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
    ควรหลีกเลี่ยงสิ่งระคายเคือง เช่น ฝุ่น ละอองเกสร สบู่ที่มีฤทธิ์แรง สบู่หอม สบู่ยา เป็นต้น
    งดอาหารที่อาจทำให้แพ้ง่าย (เช่น นม ไข่ อาหารทะเล) รวมทั้งหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่แพ้ง่าย (เช่น แอสไพริน เพนิซิลลินวี ซัลฟา)
    เสื้อผ้า ถุงเท้า ควรใช้ผ้าฝ้าย อย่าใช้ขนสัตว์
    ควรตัดเล็บให้สั้น เพื่อป้องกันการเกาด้วยเล็บสกปรก ซึ่งอาจทำให้ติดเชื้อแทรกซ้อนได้
    ควรหลีกเลี่ยงภาวะเครียดทางจิตใจ

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้ชาวบ้านอาจเรียกว่า น้ำเหลืองเสีย ความจริงโรคนี้ไม่มีความผิดปกติเกี่ยวกับน้ำเหลืองแต่อย่างใด แต่เนื่องจากผู้ป่วยมักมีอาการคันและเกาจนน้ำเหลืองเยิ้ม จึงเรียกชื่อตามอาการที่พบ ทั้งนี้อาจหมายถึงอาการผื่นคันอื่น ๆ เช่น ลมพิษ ผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส พุพอง

2. โรคนี้จะหายได้เองเมื่อโตขึ้น ยกเว้นในรายที่มีอาการตั้งแต่เล็ก หรือมีผื่นคันขึ้นทั่วร่างกาย หรือเป็นโรคหืดร่วมด้วย ก็อาจจะเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง ไม่ค่อยหายขาด

15
รถไฟฟ้า ev BYD M6 รถเอ็มพีวีไฟฟ้า 7 ที่นั่ง เตรียมเปิดตัวพร้อมค่าตัวอาจไม่เกินล้าน!

หลังจากโชว์ตัวและจัดให้สื่อได้ลองขับ BYD M6 Minorchange ที่เปลี่ยนชื่อใหม่จาก E6 เดิม โดยใช้พื้นฐานเดิมมาปรับปรุงสมรรถนะ ฟังก์ชั่นและระบบต่างใหม่หมด พร้อมกับมีรุ่น 6 ที่นั่งแบบ Captain Seat และ 7 ที่นั่ง ใกล้ถึงวัยเปิดตัวแล้ว 6 กันยายน นี้ คาดว่าราคาเริ่มต้นไม่ข้ามล้าน! หรือถ้าอดใจรอจะไปดูคันจริงกันก่อนพร้อมโปรโมชันที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2024 นี้ก็ได้

ภาพรวมของ BYD M6 นั้น เป็นรถยนต์ MPV ขนาดพอ ๆ กับ Toyota Wish หรือ Mitsubishi Specewagon แบบ 5 และ 7 ที่นั่ง ให้เลือก มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าใหม่ที่แรงขึ้น กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ที่ขับมันกว่าเดิม พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 71.8 kWh วิ่งได้ระยะทางใกล้ ๆ เคียงเดิมคือ 500 กิโลเมตรต่อชาร์จ (NEDC) และตัวรถใหญ่แบบนี้ยังทำอัตราเต่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 8.6 วินาที นับว่าไม่เลวเลยทีเดียวครับ

ภายนอกปรับไฟหน้าใหม่แบบ LED ไฟท้ายทรงเดิมแต่ลวดลายใหม่ ล้ออัลลอยใหม่ หลังคาพาโนรามิก ภายในไม่ปรับเยอะมากนักแต่เพิ่มออปชั่นต่าง ๆ เข้าไปให้ทันสมัยมากขึ้น อย่างเช่น หัวเกียร์แบบจอยสติ๊ก จอกลาง Touchscreen ขนาด 12.8 นิ้ว เพิ่มเติมระบบความปลอดภัยเข้าไปอีก เช่น รองรับ Apple CarPlay / Android Auto, กล้องมองรอบคัน, ระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่าง ๆ มากมาย รวมถึง ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน, โหมดการขับขรา, Auto Hold Brake เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีความสะดวกสบายเต็มคัน เช่น ม่านหลังคาไฟฟ้า, ฝาท้ายไฟฟ้า, ระบบไฟหน้าอัตโนมัติ, ระบบกรองอากาศ PM 2.5,  ระบบเป่าลงเย็นเบาะคู่หน้า และช่องแอร์หลังที่แยกปรับแรงลมได้, เบาะแถว สอง และสามที่พับเก็บแบบแยกอิสระซ้ายขวาและพับได้แบบราบพร้อมระบบจ่ายไฟฟ้าภายนอก VtOL เป็นต้น  รอเปิดตัวและลุ้นราคาสำหรับรถยนต์ MPV ที่น่าจะเป็นรถที่ตอบสนองการใช้งานครอบครัวได้คุ้มค่าทุก ๆ ฟังก์ชั่น โดยเฉพาะถ้าเปิดราคารุ่นเริ่มต้นไม่ล้านบาท ก็อาจจะทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากลับ "แตก" อีกครั้ง

หน้า: [1] 2 3 ... 51