แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 37
1
พฤติกรรมที่ทำให้เด็กเกิดฟันผุ จนอาจต้องเข้ารับการจัดฟันเด็ก

สุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก เป็นสิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรเอาใจใส่ตั้งแต่ลูกยังเป็นทารก เพราะการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันจะทำให้เด็กมีสุขภาพฟันที่ดี มีฟันที่แข็งแรงไม่เกิดฟันผุ เพราะขณะที่เด็กมีฟันน้ำนม ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดฟันผุได้ง่ายและเด็กในวัยนี้ยังมีพฤติกรรมที่ชอบรับประทานอาหารจุกจิกหรือรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นขนมหวาน ลูกอม รวมไปถึงน้ำอัดลม ซึ่งอาหารเหล่านี้ถือว่าเป็นศัตรูกับฟันของเราเลยทีเดียว


เพราะฉะนั้น ถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครองไม่ดูแลในเรื่องของโภชนาการของเด็ก ก็อาจจะทำให้เด็กเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันตามมาได้ และเด็กที่อยู่ในช่วงของฟันน้ำนมนั้น พ่อแม่อย่าคิดว่าไม่สำคัญ เพราะฟันน้ำนมของเด็ก ถ้าหากว่าหลุดก่อนเวลาอันควรอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อการขึ้นของฟันแท้ในอนาคตได้ อาจจะทำให้เด็กมีฟันแท้หายนั่นก็คือ ฟันไม่สามารถงอกขึ้นมาได้ทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อดึงฟันที่หายให้ออกมา ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟันในเด็ก ทันตแพทย์จะทำการผ่าตัดและติดตั้งเครื่องมือจัดฟันเพื่อให้ฟันที่ฝังอยู่เคลื่อนตัวออกมา ซึ่งก็ใช้ระยะเวลานานพอสมควร

ดังนั้น ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองไม่อยากให้เด็กมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่อายุยังน้อย ก็ควรพาบุตรหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยปีละสองครั้ง เพื่อทำการตรวจช่องปากและฟันว่ามีปัญหาด้านใดบ้าง เพื่อที่จะได้รีบแก้ไขได้ทันเวลา แต่อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะสังเกตพฤติกรรมของเด็กที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคเกี่ยวกับช่องปากและฟันด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมา และในวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เด็กเกิดฝันผุ ซึ่งถือว่าในส่วนนี้พ่อแม่ผู้ปกครองจะมีบทบาทสำคัญในการดูแลมากกว่าทันตแพทย์ ควรที่จะสังเกตอาการเพื่อไม่ให้เด็กเกิดฟันผุจนถึงขั้นสูญเสียฟันและอาจจะต้องเข้ารับการจัดฟันในเด็ก


ก่อนอื่นเราจะต้องบอกกก่อนว่า การเกิดฟันผุในเด็กนั้น ถือว่ามีผลกระทบของโรคฟันผุในเด็กมีผลต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพช่องปากในอนาคตได้ การมีฟันน้ำนมผุ เด็กจะปวดฟัน เคี้ยวอาหารไม่ได้ ร่างกายจะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ส่งผลต่อการเจริญเติบโต อีกทั้งอาการปวดฟันยังส่งผลต่อการนอนหลับและการเรียนรู้ สิ่งเหล่านี้ล้วนกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเด็กตัวเล็กๆ สามารถขัดขวางพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์และสติปัญญาได้นั่นเอง สำหรับพฤติกรรมหรือปัจจัยที่ทำให้เด็กเกิดฟันผุ อย่างแรกเลยยคือ อาหารที่เด็กรับประทานเข้าไป ส่วนใหญ่มีส่วนผสมของแป้งและน้ำตาลอยู่แทบทุกอย่าง ตั้งแต่นม ขนมอบกรอบ ขนมหวาน น้ำอัดลม ซึ่งแป้งและน้ำตาลเหล่านี้จะเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของแบคทีเรียที่พร้อมจะทำปฏิกิริยากับน้ำตาลเหล่านี้ให้เป็นกรดที่พร้อมจะทำลายผิวฟันไปทีละนิดจนลุกลามไปเรื่อยๆ   

 
หากไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหาร และเด็กก็ไม่ได้รับการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันได้ดีเท่าที่ควร รวมไปถึงพฤติกรรมในวัยเด็ก เช่น การที่เด็กนอนหลับคาขวดนม ทำให้น้ำตาลที่อยู่ในนม สามารถเข้าไปทำลายเคลือบฟันของเด็กได้ เพราะคราบจุลินทรีย์จะย่อยน้ำตาลในนมที่ค้างอยู่บนผิวฟัน ทำให้เกิดการสะสมของกรด ละลายผิวฟันเป็นรู

นอกจากนี้ การรับประทานขนมตามใจชอบ แล้วไม่ยอมแปรงฟันนั่นเอง ถือเป้นต้นเหตุของการเกิดฟันผุเลย เพราะฉะนั้น สิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะทำก็คือ ควรฝึกให้เด็กทารกเข้านอนโดยไม่มีนิสัยติดขวดนม ดูแลเรื่องของการรับประทานอาหาร งดขนม อาหารรสหวาน ควรเลือกอาหารว่างที่มีประโยชน์ ให้เด็กบ้วนปากหลังดื่มนม รับประทานขนม หรือหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง ที่สำคัญควรให้เด็กแปรงฟันให้ลูกด้วยยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์ วันละ 2 ครั้ง และพาเด็กไปพบทันตแพทย์ ตรวจฟันเป็นประจำ เพื่อจะได้รับความรู้และแนวทางปฏิบัติในการดูแลสุขภาพในช่องปากอย่างถูกต้อง

 
หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจพาบุตหลานของท่านเข้ารับการตรวจฟัน หรือเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแทพย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านทันตกรรมในเด็ก รวมไปถึงมีประสบการณ์ยาวนานด้านการจัดฟัน จึงสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเกิดฟันผุตั้งแต่อายุยังน้อย ลดปัญหาการเกิดความผิดปกติของช่องปากและฟัน เพื่อให้เด็กได้สามารถใช้ชีวิตประจำวันหรือทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างเต็มที่

2
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: แผลปริที่ขอบทวารหนัก (Anal fissure)

แผลปริที่ขอบทวารหนัก (แผลขอบทวาร แผลรอยแยกขอบทวารหนัก ก็เรียก) มีลักษณะเป็นแผลปริแยกในบริเวณผนังเยื่ออ่อน (เยื่อเมือก) ตรงขอบทวารหนัก กว่าร้อยละ 90 พบตรงแนวกึ่งกลางของผนังทวารด้านหลัง เนื่องจากมีความอ่อนเปราะเพราะมีเลือดไปเลี้ยงน้อย

โรคนี้พบได้บ่อยในคนทั่วไป เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของอาการถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสดในทารก พบได้ในคนทุกวัย แต่จะพบมากในทารก เด็กเล็ก กลุ่มอายุ 15-40 ปี หญิงหลังคลอด และผู้ที่มีปัญหาท้องผูกประจำ โรคนี้มักหายได้เอง บางรายอาจเป็นเรื้อรังแต่ไม่มีอันตรายร้ายแรง


สาเหตุ

เกิดจากการได้รับบาดเจ็บจากก้อนอุจจาระที่แข็ง หรือการเบ่งถ่ายอุจจาระอย่างรุนแรง มักพบในผู้ที่มีอาการท้องผูก หรือถ่ายอุจจาระเป็นก้อนแข็งหรือก้อนโต บางครั้งอาจพบในผู้ที่มีอาการท้องเดินเรื้อรัง หรือใช้ยาระบายเป็นประจำ

นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการบาดเจ็บจากการคลอดบุตร การร่วมเพศทางทวารหนัก หรือการใช้เครื่องมือส่องตรวจทวารหนัก

บางรายอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น แผลเป็น (scarring) ที่บริเวณทวารหนัก (จากการบาดเจ็บหรือการผ่าตัด), โรคติดเชื้อ (เช่น เริม วัณโรค เอดส์ หนองใน แผลริมอ่อน ซิฟิลิส), โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (โรคโครห์น หรือ Crohn’s disease, โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง หรือ Ulcerative colitis), มะเร็ง (มะเร็งปากทวารหนัก มะเร็งเม็ดเลือดขาว) บางรายอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ

แผลปริที่เกิดขึ้นส่งผลให้กล้ามเนื้อหูรูด (sphincter) เกิดอาการเกร็งตัว ทำให้มีอาการปวดทวารหนัก และทำให้หลอดเลือดหดตัวเลือดไปเลี้ยงบริเวณนี้ลดลง แผลหายช้า

อาการ

มักจะมีอาการเจ็บปวดเหมือนมีอะไรบาดบริเวณทวารหนักขณะถ่ายหรือหลังถ่ายอุจจาระ อาการปวดมักจะเป็นอยู่นานหลายนาทีหรือเป็นชั่วโมง ๆ และจะกำเริบทุกครั้งที่ถ่ายอุจจาระ

ประมาณร้อยละ 70 ของผู้ป่วย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทารก) จะมีเลือดออก มีลักษณะเป็นเลือดสดออกเป็นลายติดอยู่ที่บนส่วนผิวของอุจจาระหรือเปื้อนกระดาษชำระ ส่วนน้อยที่ออกเป็นหยดเลือด 2-3 หยด เลือดที่ออกจะมีเพียงเล็กน้อยและหยุดได้เอง

บางรายอาจมีอาการปวดมากจนกลัวการถ่ายอุจจาระ ทำให้มีอาการท้องผูกถ่ายยาก ซึ่งจะซ้ำเติมให้โรคกำเริบหรือเรื้อรัง

บางรายมีอาการคันหรือระคายเคืองบริเวณรอบทวารหนักร่วมด้วย

ส่วนใหญ่แผลมักจะหายได้เองภายใน 2-4 สัปดาห์ ถ้าเป็นนานเกิน 8 สัปดาห์ ก็ถือว่าเป็น "แผลปริที่ขอบทวารหนักเรื้อรัง (chronic anal fissure)"

เมื่อหายแล้วผู้ป่วยมีโอกาสสูงที่จะมีการกำเริบซ้ำซากถ้ายังปล่อยให้มีอาการท้องผูกบ่อย ๆ

ภาวะแทรกซ้อน

ที่พบบ่อยคือ อาการปวดเวลาถ่ายอุจจาระ ทำให้ผู้ป่วยกลัวการถ่ายอุจจาระ ทำให้กลายเป็นท้องผูกเรื้อรัง หรือมีภาวะอุจจาระอุดตันในลำไส้ (fecal impaction)

ในรายที่เป็นเรื้อรังอาจทำให้แผลอักเสบบวมเกิดเป็นติ่งเนื้อ (sentinel pile) หรือแผลเกิดพังผืด (fibrosis) กลายเป็นติ่งหนัง (skin tag)

บางรายอาจเกิดฝีรอบทวารหนัก (ฝีคัณฑสูตร)

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งมักตรวจพบรอยแผลที่ปากทวารตามแนวยาว โดยเฉพาะตรงแนวกึ่งกลางของผนังทวารด้านหลัง บางรายอาจพบที่ผนังทวารด้านหน้า มักมีความยาวไม่เกิน 5 มม. (ซึ่งจะหลีกเลี่ยงการใช้นิ้วมือสอดใส่ทวารหนัก เพราะจะทำให้เกิดอาการเจ็บปวดมาก และปากทวารหนักจะมีการหดเกร็ง)

ในรายที่เป็นแผลเรื้อรัง อาจตรวจพบติ่งเนื้อ ติ่งหนัง หรือฝีรอบทวารหนัก

ในรายที่เป็นเรื้อรัง หรือสงสัยว่าอาจมีโรคอื่นร่วมด้วย แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การใช้กล้องส่องตรวจปากทวาร/ลำไส้ใหญ่ (anoscopy/sigmoidoscopy/colonoscopy) ตรวจเลือดหาการติดเชื้อ (เช่น ซิฟิลิส เอชไอวี) การตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

1. แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

    รักษาอาการท้องผูกหรือท้องเดินที่เป็นสาเหตุที่ทำให้อาการกำเริบ สำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูกบ่อย แนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวเพื่อให้อุจจาระนุ่มและถ่ายง่าย (ดูหัวข้อ "การดูแลตนเอง" ด้านล่าง)
    แนะนำให้ผู้ป่วยนั่งแช่ในน้ำอุ่นจัด ๆ (ขนาดร้อนพอทน หรือประมาณ 40 องศาเซลเซียส) วันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังถ่ายอุจจาระทุกครั้ง (จะช่วยให้กล้ามเนื้อทวารหนักคลายตัว ลดปวด และเพิ่มเลือดไปเลี้ยงบริเวณทวารหนักมากขึ้น ช่วยกระตุ้นให้แผลหายเร็ว) แล้วใช้ผ้านุ่ม ๆ ซับให้แห้ง
    ถ้าปวดมากให้กินยาแก้ปวด (ควรหลีกเลี่ยงยาแก้ปวดที่เข้าสารฝิ่นหรืออนุพันธ์ของฝิ่น เพราะอาจทำให้ท้องผูก) และ/หรือใช้ยาชาชนิดเจล (ที่มีตัวยา lidocaine) ทาระงับปวด
    ในรายที่มีอาการมากหรือเรื้อรัง จะแนะนำให้ใช้ขี้ผึ้งไนโตรกลีเซอริน (nitroglycerin ointment) หรือขี้ผึ้งไนเฟดิพีน (nifedipine ointment) ทาวันละ 2 ครั้ง ซึ่งทำให้มีเลือดไปเลี้ยงทวารหนักมากขึ้น และกล้ามเนื้อหูรูดลดการหดเกร็ง ช่วยให้หายปวดและแผลหายเร็ว ยากลุ่มนี้อาจมีผลข้างเคียง มีอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หน้ามืด ความดันโลหิตต่ำได้ หลังทายาหรือมีอาการข้างเคียงควรนอนพักสักครู่

2. ถ้าไม่ดีขึ้นภายใน 8 สัปดาห์ หรือพบรอยปริอยู่ด้านข้าง (นอกแนวกึ่งกลางของผนังด้านหลังหรือด้านหน้า) ซึ่งอาจมีสาเหตุอื่น ๆ (เช่น เริม วัณโรค เอดส์ ซิฟิลิส โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง มะเร็ง เป็นต้น) แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม และให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ

3. ในรายที่เป็นแผลปริที่ขอบทวารหนักเรื้อรัง แพทย์จะให้การรักษาด้วยการฉีดสารโบทูลิน (มีชื่อการค้า เช่น Botox) เข้าไปในหูรูดชั้นใน (internal sphincter) เพื่อให้กล้ามเนื้อหูรูดคลายตัว ยานี้จะออกฤทธิ์นาน 3 เดือน

ถ้าหลังรักษาด้วยวิธีนี้ 3 เดือนแล้วมีอาการกำเริบอีก ก็อาจต้องผ่าตัดแก้ไขด้วยวิธีที่เรียกว่า "Lateral internal sphincterotomy (LIS)" โดยมีการตัดกล้ามเนื้อหูรูดชั้นในบางส่วนเพื่อให้กล้ามเนื้อหูรูดลดการหดเกร็ง ช่วยให้หายปวดและแผลหายเร็ว การรักษาด้วยวิธีนี้นับว่าได้ผลดี ช่วยให้โรคหายขาดได้เป็นส่วนใหญ่ การผ่าตัดอาจพบผลข้างเคียงได้ในบางคน เช่น มีเลือดออก ติดเชื้ออักเสบ เป็นฝี อุจจาระเล็ดเวลาผายลม ปัสสาวะไม่ออก เป็นต้น

ผลการรักษา ส่วนใหญ่การรักษาและการดูแลตนเองช่วยให้แผลหายได้ภายใน 2-4 สัปดาห์ แต่มีโอกาสกลับมากำเริบเป็นครั้งคราวเวลาท้องผูกหรือท้องเดินเรื้อรัง

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการเจ็บปวดเหมือนมีอะไรบาดบริเวณทวารหนักขณะถ่ายหรือหลังถ่ายอุจจาระ ถ่ายอุจจาระออกเป็นเลือดสด ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นแผลปริที่ขอบทวารหนัก ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ดังนี้

    ใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำ และไปพบแพทย์ตามนัด
    เวลาถ่ายอุจจาระอย่านั่งนาน และไม่เบ่งแรง (ผ่อนแรงเบ่งด้วยการอ้าปากและค่อย ๆ หายใจออกทางปาก)
    ถ้ามีอาการท้องผูก ควรปฏิบัติ ดังนี้

- ดื่มน้ำมาก ๆ วันละประมาณ 8-12 แก้ว (2-3 ลิตร) 
- กินอาหารที่มีกากใยสูง (ผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ธัญพืช) ให้มาก ๆ
- งดดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทำให้ท้องผูกได้
- ออกกำลังกายเพื่อควบคุมน้ำหนัก (ภาวะน้ำหนักเกินมีผลต่อการกำเริบของโรค) และป้องกันท้องผูก
- พยายามถ่ายอุจจาระเป็นเวลาทุกวัน อย่าอั้นถ่ายเวลามีอาการปวดถ่ายอุจจาระ
- กินสารเพิ่มกากใย และ/หรือยาระบายตามคำแนะนำของแพทย์

    สำหรับทารก
    -    ทำความสะอาดบริเวณก้น และเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อย ๆ โดยใช้ผ้านุ่ม ๆ ซับให้แห้งก่อนใส่ผ้าอ้อม
    -    รักษาอาการท้องผูก สำหรับทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน ให้กินดื่มนมแม่เป็นหลัก โดยไม่ให้กินอย่างอื่น ถ้ากินนมผสมควรชงนมให้ถูกสัดส่วน ส่วนทารกอายุมากกว่า 6 เดือน ให้กินผักผลไม้ที่มีกากใย และดื่มน้ำให้มากพอ อาจให้ดื่มน้ำผลไม้ เช่น น้ำองุ่น น้ำแอปเปิ้ล น้ำลูกพรุน หากท้องผูกไม่หาย ควรขอแนะนำจากแพทย์

ควรกลับไปพบแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการปวดมาก หรือหลังใช้ยาอาการปวดไม่ทุเลา
    อาการท้องผูกไม่ดีขึ้น ทำให้ต้องเบ่งถ่าย มีเลือดออกทุกวัน
    น้ำหนักลด ปวดท้องบ่อย ท้องผูกบ่อย มีอาการท้องผูกสลับท้องเดิน หรือท้องเดินเรื้อรัง
    มีก้อนบวมและปวด หรือเป็นฝีที่ทวารหนัก
    หลังดูแลตนเองนาน 1 สัปดาห์ แล้วยังมีอาการปวดหรือเลือดออกเวลาถ่ายอุจจาระ หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย
    มีความวิตกกังวล
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปใช้ที่บ้าน ถ้าใช้ยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หน้ามืด หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

1. ระวังอย่าให้ท้องผูก ด้วยการกินอาหารที่มีกากใยสูง (ผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ธัญพืช) ดื่มน้ำวันละประมาณ 8-12 แก้ว (2-3 ลิตร) ออกกำลังกายเป็นประจำ งดชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (เพราะทำให้ท้องผูก) และหลีกเลี่ยงยาที่ทำให้ท้องผูก

2. อย่าอั้นถ่ายเวลามีอาการปวดถ่ายอุจจาระ

3. ระวังอย่าให้เกิดอาการท้องเดินบ่อย และหลีกเลี่ยงการกินยาระบายเป็นประจำ

4. หลีกเลี่ยงการร่วมเพศทางทวารหนัก ถ้าเลี่ยงไม่ได้ควรใช้ถุงยางอนามัย

5. อย่าสอดใส่อะไรเข้าไปในทวารหนัก

6. สำหรับทารก หมั่นทำความสะอาดบริเวณก้น และเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อย ๆ โดยใช้ผ้านุ่ม ๆ ซับให้แห้งก่อนใส่ผ้าอ้อม

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้หลังจากรักษาหายแล้วอาจกำเริบซ้ำได้อีก ควรพยายามหาทางป้องกันไม่ให้กำเริบด้วยการปฏิบัติตัวอย่างจริงจัง กินอาหารที่มีกากใยมาก และดื่มน้ำมาก ๆ วันละประมาณ 8-12 แก้ว (2-3 ลิตร) เพื่อไม่ให้ท้องผูกหรือถ่ายอุจจาระแข็ง หาทางป้องกันไม่ให้ท้องเดินบ่อย ถ้ามีอาการท้องผูกหรือท้องเดินควรรีบแก้ไข

2. โรคนี้มีอาการถ่ายเป็นเลือดคล้ายริดสีดวงทวาร แต่ต่างกันที่โรคนี้จะมีอาการเจ็บปวดเหมือนมีอะไรบาดบริเวณทวารหนักขณะหรือหลังถ่ายอุจจาระ ซึ่งริดสีดวงทวารไม่พบอาการแบบนี้ นอกจากนี้แผลปริที่ขอบทวารหนักมักมีเลือดออกเพียงเล็กน้อย มีลักษณะเป็นเลือดสดออกเป็นลายติดอยู่ที่บนส่วนผิวของอุจจาระ หรือเปื้อนกระดาษชำระเป็นส่วนใหญ่ ส่วนน้อยที่อาจไหลออกเป็นหยดแบบริดสีดวงทวาร

3. โรคนี้พบได้บ่อยในทารก ซึ่งมักเกิดจากท้องผูก ส่วนใหญ่มักจะไม่รุนแรงและหายได้เอง ควรหาทางป้องกันด้วยการทำความสะอาดก้น และเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อย ๆ และหาทางป้องกันและแก้ไขอาการท้องผูก

4. ควรรักษาและใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร ไม่ควรซื้อยามาใช้เอง บางคนอาจเคยใช้ยาที่ใช้รักษาริดสีดวงทวารชนิดทาหรือเหน็บ (ซึ่งมีสเตียรอยด์ผสม) รู้สึกว่าได้ผลดี ก็จะซื้อมาใช้เองเป็นประจำ การใช้ติดต่อกันนาน ๆ อาจทำให้ผิวหนังบาง และอาจมีการดูดซึมเข้าร่างกายเกิดผลข้างเคียงจากสเตียรอยด์ได้

แม้แต่ยาที่แพทย์สั่งใช้และการรักษาด้วยการผ่าตัด ก็อาจมีผลข้างเคียงในลักษณะต่าง ๆ กันได้ ควรขอความรู้จากผู้ให้การรักษา จะได้ระมัดระวังในการรับการรักษา

5. ผู้ที่มีอาการถ่ายเป็นเลือดบ่อย อย่าคิดว่าเป็นเพียงริดสีดวงทวาร แผลปริที่ขอบทวารหนัก หรือเรื่องเล็กน้อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ เพราะอาจเกิดจากโรคที่ร้ายแรง (เช่น ลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่) ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปี

3
รถไฟฟ้า ev เกีย KIA EV5 Light ปี 2024
1,299,000 บาท

เกีย KIA EV5 Light ปี 2024
Kia EV5 Light มาพร้อมตัวเลือกระบบส่งกําลังไฟฟ้าหลากรูปแบบ โดยในรุ่นนี้ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 64.2 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้าขนาด 160 กิโลวัตต์ ให้ระยะทางจากพลังงานไฟฟ้าตามมาตรฐาน NEDC สูงสุดถึง 490 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง สามารถสร้างอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลา 8.5 วินาที ด้วยกําลังมอเตอร์สูงสุด 217 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดถึง 310 นิวตันเมตร มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว อีกทั้งยังมีฟีเจอร์มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยมากมาย

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                KIA
   รุ่น                     เกีย KIA EV5 Light ปี 2024
   ประเภทรถ            รถอเนกประสงค์ SUV, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว             2024
   ราคา                  1,299,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรค
ระบบควบคุมระยะการจอด (เซ็นเซอร์ เฉพาะด้านหน้า และหลัง)
ไฟหน้า LED (แบบ Multi Reflection 3 จุด,ไฟหรี่หน้าแบบ LED)
ไฟท้าย LED
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (มือจับประตูแบบ Flush type ทํางานแบบ Manual,วัสดุตกแต่งซุ้มล้อ และกาบข้างสีดําด้าน)
ยางอะไหล่สำรอง (จะได้เป็นชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน)
ขนาดยางหน้า-หลัง (225/60ฑ118)
ไฟ Daytime Running Lights
ล้ออัลลอย (18 นิ้ว)
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ (บริเวณด้านหน้า และหลัง)

   ภายใน
พวงมาลัยหุ้มหนัง (สังเคราะห์ แบบ 4 ก้าน ปรับระดับ 4 ทิศทาง)
อุปกรณ์ภายในอื่นๆ (แผงปิดสัมภาระอเนกประสงค์แบบปรับตั้งได้)
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (ด้วยสวิตช์)

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า                    มอเตอร์ไฟฟา Permanent Magnet Synchronous Motor กำลัง 217 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.5 วินาที

   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)        แรงม้า
   ระบบเกียร์                          เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์                       สวิตช์เกียร์แบบ Column-type Shift by Wire พร้อม Paddle Shift ปรับการทํางานของ Regenerative Brake
   ระบบเบรค ABS                   มี
   ชนิดแบตเตอรี่                    ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่                  64.2 kWh
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง       490 กม. มาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC) สูงสุด 7 kW Single-phase รองรับการชาร์จแบบกระแสตรง (DC) สูงสุด 102 kW ระยะเวลาในการชาร์จจาก 10% ถึง 100% ผ่าน AC 9 ชม. 43 นาที ระยะเวลาในการชาร์จจาก 10% ถึง 80% ผ่าน DC Fast charge EVSE 36 นาที

   น้ำหนักตัวรถ                       1,870 กก.
   ประเภทยางรถยนต์                 -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                    ล้ออัลลอย (18 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน                    ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 

ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESC และควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง TSA)
ดิสก์เบรก 4 ล้อ (พร้อมครีบระบายความร้อน)
กุญแจรีโมท (Smart Key)
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (พร้อมระบบ Multi-Collision Brake)
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในช่องจราจร, ระบบป้องกันการชนด้านหน้าพร้อมตรวจจับรถยนต์ คน และจักรยาน พร้อม Junction Assist)
เข็มขัดนิรภัย (คูู่หน้าแบบ 3 จุด ELR ปรับระดับสูง -ต่ำ เข็มขัดนิรภัยแถวที่ 2 แบบ 3 จุด ELR และ ระบบแจ้งเตือนมีผู้โดยสารอยู ่ด้านหลัง)
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HAC และควบคมเบรกขณะลงทางลาดชัน DBC)
กล้อง (มองภาพด้านหลังขณะถอยจอด)
เบรกมือไฟฟ้า (พร้อม Auto Brake Hold)
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ((ISOFIX) บนเบาะแถวที่ 2)

4
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด


ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ







5
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



6
โรคปอดอักเสบ (Pneumonitis) อีกชื่อคือปอดบวมนั้นอันตรายและติดต่อง่าย

โรคปอดอักเสบ (Pneumonitis) หรือเรียกว่าโรคปอดบวม เป็นโรคติดต่อชนิดเฉียบพลันที่มีการอักเสบของเนื้อปอด หลอดลมขนาดเล็ก หลอดลมฝอยถุงลม


สาเหตุของโรคปอดอักเสบเกิดจากเชื้อโรคหลายชนิด

    จากเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อยในปาก จมูก และ คอ
    โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส ได้แก่ ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหัด โรคสุกใส และไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น

การติดต่อสามารถติดต่อได้ 4 ทาง

    หายใจเอาเชื้อโรคที่ลอยอยู่ในอากาศ
    สำลักเอาเชื้อโรคที่อยู่บริเวณช่องปากเข้าสู่ปอด
    แพร่กระจายจากตำแหน่งที่เป็นโรคตามส่วนต่างๆของร่างกายผ่านมาตามกระแสโลหิตเข้าสู่ถุงลม
    เชื้อโรคจากการอักเสบที่บริเวณใกล้ๆ ปอด เช่น ตับ หลอดอาหาร แล้วกระจายลุกลามเข้าสู่ปอดโดยตรง

โรคปอดอักเสบสามารถติดต่อได้ตลอดจนกระทั่งเชื้อโรคหมดไปจากน้ำมูกน้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วย


อาการปอดอักเสบเป็นอย่างไร

     อาการของโรคอาจจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริเวณที่เกิดการติดเชื้อ เช่น ถ้าติดเชื้อบริเวณหลอดลม อาจแสดงอาการไอมากกว่าอาการอื่นๆ ในกรณีการติดเชื้อในเนื้อปอด จะส่งผลให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนมีปัญหาแล้วทำให้เห็นปากเขียว มือเขียว ม่วงคล้ำเพราะขาดออกซิเจน เริ่มแรกอาการคล้ายเป็นโรคหวัด เช่น มีอาการไอ จาม เจ็บคอ หลังจากนั้นอาจมีไข้สูง หนาวสั่น หอบเหนื่อย เจ็บชายโครงตามมาได้


ความรุนแรงของโรคปอดอักเสบ

     ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สุขภาพของผู้ป่วยและชนิดของโรค ในบางรายอาการของผู้ป่วยอาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในกลุ่มผู้สูงอายุ อาการอาจแสดงไม่ชัดเจนอย่างไรก็ตาม หากไม่ทำการรักษาให้ทันท่วงที หรืออาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
 

โรคปอดอักเสบรักษาอย่างไร

     แพทย์อาจรักษาตามอาการในบางกรณีแพทย์ให้รับประทานยาต้านไวรัส หากรับประทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น แพทย์อาจให้ทำการตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาเชื้อ ประเภท และ สายพันธุ์ ของเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการป่วย ผู้ป่วยส่วนมากที่ป่วยด้วยโรคปอดอักเสบอาจจะไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล แต่ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงดังต่อไปนี้ คุณควรต้องดูแลอาการที่โรงพยาบาลหรือเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

    อายุมากกว่า 65 ปี
    มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ หอบหืด เบาหวาน ไตวาย มีปัญหาเกี่ยวกับโรคตับ
    ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ หรือไม่สามารถบอกใครได้ หากมีอาการแย่ลง
    มีอาการเจ็บหน้าอก หรือไม่สามารถไอเพื่อขับเสมหะออกมาได้ หรือมีอาการเหนื่อยหอบร่วมด้วย
    ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ มีอาการเหนื่อยหอบควบคู่กันไป

การป้องกันโรคปอดอักเสบ

    การป้องกันก่อนการเกิดโรค โดยการรับวัคซีน Pneumococcal vaccine และวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
    ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค โดยการใส่ผ้าปิดปากปิดจมูก เมื่อผู้ป่วยมีอาการไอ จาม
    รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
    กรณีผู้ป่วยอายุมากกว่า 65 ปี และป่วยเป็นโรคปอดอักเสบ นอนโรงพยาบาลเมื่อหายแล้ว ควรได้รับวัคซีนก่อนกลับบ้าน หรือวันนัดตรวจซ้ำเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
    พบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง
    ควรงดสูบบุหรี่

7
ขายรถผู้บริหาร Volvo XC40 Twin Motor รับส่วนลดเพิ่มอีก 5,000 บาท

วอลโว่ Volvo XC40 Recharge Pure Electric Twin Motor ปี 2023
Volvo XC40 Recharge Pure Electric ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไออน 82 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ไกลถึง 645 กิโลเมตร (ตามมาตรฐานการทดสอบ NDEC) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตร/ชม.

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 29 ต.ค. - 30 พ.ย. 2567
รับส่วนลดเพิ่มอีก 5,000 บาท เมื่อแจ้งว่าติดต่อจาก CheckRaka
ประกันภัยชั้น 1 + กล้อง DVR + MW

ราคาพิเศษ 2,090,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์               Volvo
   รุ่น                   วอลโว่ Volvo XC40 Recharge Pure Electric Twin Motor ปี 2023
   ประเภทรถ          รถอเนกประสงค์ SUV, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว           2023




8
โปรโมชั่นแท็บเล็ต HONOR Pad X8a แท็บเล็ตรุ่นใหม่ จอใหญ่ 11 นิ้ว บางเบา จัดเต็มทุกความบันเทิง ราคาคุ้มค่า

ออเนอร์ (HONOR) ผู้ให้บริการอุปกรณ์อัจฉริยะชั้นนำระดับโลก เตรียมเปิดตัวแท็บเล็ตรุ่นใหม่ HONOR Pad X8a ที่มาพร้อมฟีเจอร์สุดล้ำ เพื่อตอบโจทย์ทั้งการทำงานและความบันเทิงแบบจัดเต็ม รุ่นนี้โดดเด่นด้วยจอแสดงผลถนอมดวงตาขนาดใหญ่ 11 นิ้ว อัตราการรีเฟรช 90Hz พร้อมแบตเตอรี่ทรงพลังความจุ 8300mAh ช่วยให้ผู้ใช้ใช้งานได้ยาวนานตลอดวันด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว

นอกจากนี้ยังสร้างประสบการณ์เสียงเหนือชั้นด้วยระบบลำโพงแอมพลิจูดขนาดใหญ่ 4 ตัว ผสานเทคโนโลยี HONOR Histen Sound Tuning และการรับรอง Dual Hi-Res เพื่อยกระดับความเพลิดเพลินทางเสียงและมอบคุณภาพเสียงที่ดีที่สุด อีกทั้งยังมี Kids Edition เสมือนติวเตอร์ส่วนตัว ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับเด็กและวัยเรียน เหมาะสำหรับผู้ที่มีครอบครัวและวัยเรียนวัยทำงานที่ต้องการใช้แท็บเล็ตเป็นตัวช่วยในหลากหลายด้าน โดย HONOR Pad X8a มีทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ HONOR Pad X8a LTE และ HONOR Pad X8a WIFI เตรียมพร้อมเปิดราคาในประเทศไทย 30 กันยายนนี้

HONOR Pad X8a แท็บเล็ตรุ่นที่สองจาก HONOR Pad X8 เหมาะสำหรับการใช้งานอย่างครอบคลุม มาพร้อมดีไซน์เรียบหรู น้ำหนักเบาและตัวเครื่องบาง ทำให้พกพาง่าย ใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน โดยรุ่นนี้ อัดแน่นด้วยประสิทธิภาพการใช้งานที่เหนือชั้น ชูจุดขายด้วยจอแสดงผลพรีเมียมขนาดใหญ่ 11 นิ้ว ที่เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีโดยให้ความสำคัญกับนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้งานของมนุษย์เป็นหลัก ทั้งในด้านการถนอมสายตาและความคมชัดของภาพ


เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมในทุกสถานการณ์ อีกทั้งยังให้แบตเตอรี่ความจุขนาดใหญ่พิเศษ 8300mAh ที่มอบอายุการใช้งานแบตฯ ที่ดีที่สุด รองรับการใช้งานต่อเนื่องยาวนานตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องกังวลว่าแบตฯ จะหมด พร้อมระบบชาร์จแบบมีสาย 10W ทำให้แท็บเล็ตพร้อมใช้งานได้อย่างรวดเร็วได้ทุกที่ทุกเวลา นอกจากนี้ยังมอบประสบการณ์เสียงที่ไม่มีใครเทียบได้ด้วยระบบลำโพง แอมพลิจูดขนาดใหญ่ 4 ตัว ผสานเทคโนโลยี HONOR Histen Sound Tuning ที่ยอดเยี่ยมด้วยเสียง 360° ที่มีชีวิตชีวา และการรับรอง Dual Hi-Res ให้เอฟเฟกต์เสียงที่หลากหลาย สมดุลและสมจริง ทำให้ผู้ใช้ดื่มด่ำไปกับเสียงที่น่าหลงใหลทั้งดูหนังและฟังเพลง

HONOR Pad X8a ยังเสริมการใช้งานด้านอื่น ๆ ด้วยประสิทธิภาพฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลังจากชิปเซ็ต Qualcomm® Snapdragon® 680 ที่ช่วยให้การประมวลผลราบรื่นและรวดเร็ว พร้อมพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ 4GB+128GB ผสานกับเทคโนโลยี HONOR RAM Turbo ที่ช่วยเพิ่มความลื่นไหลในการใช้งาน ไม่ว่าจะเปิดหลายแอปพลิเคชันพร้อมกันหรือจัดเก็บไฟล์ขนาดใหญ่ก็ทำได้อย่างไร้ขีดจำกัด

ห้ามพลาด! เตรียมสัมผัสประสบการณ์การใช้งานแท็บเล็ตอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุด HONOR Pad X8a เตรียมเปิดราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 กันยายน 2567 โดย HONOR Pad X8a มีทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ HONOR Pad X8a LTE (4+128GB) เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2567 ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และ HONOR Pad X8a WIFI (4+128GB) เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2567 Exclusive เฉพาะช่องทาง Shopee และเปิดจำหน่ายทางออนไลน์ทุกช่องทางปกติ เริ่ม 9 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป พร้อมรับโปรโมชันสุดพิเศษมากมาย!

9
อาหารสายยาง อาหารทางการแพทย์ คืออะไร

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “อาหารทางการแพทย์” แต่ก็ไม่รู้ว่าอาหารทางการแพทย์คืออะไร สำหรับวันนี้เราจะมาพูดถึงอาหารทางการแพทย์ว่ามีลักษณะอย่างไรและใช้อย่างไร สำหรับอาหารทางการแพทย์นั้น คืออาหารที่ใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่ถูกต้องและเหมาะสมต่อโรค เช่น อาหารสำเร็จรูปที่ให้ทางสายยางให้อาหารหรืออาหารปั่นผสม เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และสภาวะของโรคซึ่งการใช้อาหารทางการแพทย์จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ซึ่งจะมีหลายสูตรสูตร อาหารทางการแพทย์คืออาหารที่มีสูตรพิเศษ


สำหรับความเจ็บป่วยเฉพาะที่ อาหารทางการแพทย์สามารถช่วยให้ผู้ป่วยที่มีอาการแพ้ อาการเบาหวาน หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร หรือผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง แต่อาหารทางการแพทย์นั้น ไม่ได้มีจุดประสงค์ในการรักษาโรคแต่ช่วยในการป้องกันปัญหาที่เกิดจากโรคหรือช่วยการจัดการเกี่ยวกับโรคได้ง่ายขึ้น และไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ซึ่งอาหารทางการแพทย์ สำหรับในภาวะที่ร่างกายของผู้ป่วยขาดพลังงานและสารอาหารที่จำเป็นจากโรคหรือภาวะต่างๆสิ่งหนึ่งที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารตามความต้องการอย่างเหมาะสม นั่นก็คืออาหารทางการแพทย์นั้นเองเห็นไหมว่า อาหารทางการแพทย์มีความสำคัญและมีความจำเป็นสำหรับผู้ป่วยที่จำเป็นที่จะต้องได้รับสารอาหารอย่างเหมาะสม เพื่อให้ฟื้นฟูจากอาการป่วยได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญต้องใช้อย่างระมัดระวังด้วย


นอกจากนี้ อาหารทางการแพทย์ ยังเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่ใช่ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่ใช้เป็นโภชนาการบำบัดสำหรับผู้ป่วยเฉพาะโรค ผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารได้เป็นปกติ หรือร่างกายอยู่ในภาวะที่ต้องการสารอาหารบางอย่างมากหรือน้อยเป็นพิเศษ โดยที่ไม่สามารถบริโภคจากอาหารทั่วไปได้ ในปัจจุบันอาหารทางการแพทย์มีหลากหลายชนิดทั้งสำหรับผู้ใหญ่และสำหรับทารก ซึ่งในแต่ละชนิดก็จะมุ่งเน้นในเรื่องของความต้องการของร่างกายอย่างจำเพาะเจาะจง ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบของการใช้รับประทานหรือดื่มแทนอาหารหลัก ในบางครั้งอาจใช้เป็นอาหารทางสายยาง สำหรับผู้ป่วยที่ต้องให้อาหารทางสายยาง สำหรับสารอาหารส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในอาหารทางการแพทย์นั้นหลักๆคือ คาร์โบไฮเดรต โปรตีนและไขมันซึ่งจะถูกดัดแปลงให้ย่อยง่ายหรือผ่านการย่อยแล้วบางส่วน


เพื่อให้ดูดซึมได้ง่ายทำให้ร่างกายนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็วหรือบางชนิดมีการเพิ่มหรือลดสารอาหารให้สอดคล้องกับความต้องการของร่างกายผู้ป่วย โดยอาหารทางการแพทย์ไม่ใช่ยา ไม่มีคุณสมบัติโดยตรงในการรักษาโรคต่างๆ แต่ก็สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาหรือบรรเทาอาการของโรคได้และยังช่วยป้องกันภาวะขาดสารอาหารที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการรักษาด้วย อย่างไรก็ตาม ควรที่จะเลือกอาหารทางการแพทย์ให้ถูกต้อง เนื่องจากอาหารทางการแพทย์นั้น มีหลักหลายชนิดและร่างกายของแต่ละคนมีความต้องการสารอาหารที่ไม่เหมือนกัน อาหารทางการแพทย์แต่ละชนิดก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันจึงไม่ควรซื้ออาหารทางการแพทย์มาใช้เอง โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เพราะร่างกายอาจได้รับสารอาหารที่ไม่สมดุล

ยกตัวอย่าง เช่น ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยและการดูดซึมไขมันได้ไม่ดี ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันย่อยง่ายกว่าเป็นส่วนผสม เพราะโรคบางโรคที่ต้องควบคุมร่างกายไม่ให้ได้รับสารอาหารบางอย่างมากเกินไป เช่น โรคไตที่ผู้ป่วยจะต้องจำกัดในปริมาณของแร่ธาตุหลายตัวเช่น โซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส หาซื้อมารับประทานเองอาจทำให้เลือกผิดชนิดและอาจจะส่งผลร้ายแรงต่อร่างกายได้

และที่สำคัญควรคำนึงถึงในเรื่องของปริมาณและความเข้มข้น เพราะฉะนั้นควรได้รับคำแนะนำเรื่องของการเตรียมและวิธีการชงอาหารทางการแพทย์ว่าควรมีปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละมื้ออย่างไร จากนักโภชนาการที่มีความเชี่ยวชาญหรือผู้ดูแลก่อนการปรับเปลี่ยนสู่ทุกครั้ง นอกจากนี้ความเข้มข้นที่มากไปหรือน้อยไป ล้วนมีผลเสียต่อร่างกายถ้าหากส่วนผสมเจือจางมาก ร่างกายอาจได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหารได้ แต่ถ้าได้รับปริมาณที่เข้มข้นเกินไปร่างกายก็อาจจะรับไม่ได้เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการท้องเสียหรืออาเจียน และอาจได้รับสารอาหารบางตัวมากเกินความจำเป็น

ทั้งนี้ เราสามารถเลือกรับประทานอาหารที่เราชอบได้หลากหลายและเหมาะสมกับตัวเราย่อมมีความสุขมากกว่าการที่ต้องรับประทานอาหารเพื่อชดเชยหรือบำบัดโรค เพราะฉะนั้นหากไม่อยากที่จะต้องรับประทานอาหารทางการแพทย์ก็ควรที่จะดูแลตัวเองให้แข็งแรงและมีสุขภาพที่ดีอยู่เสมอ ถ้าอาหารปั่นผสมเอสเอ็นเราอยากสนับสนุนให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และควรดูแลร่างกายให้แข็งแรงมีสุขภาพดีรวมไปถึงอยากแนะนำให้ออกกำลังกายเพื่อทำให้มีร่างกายที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บและสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขและเต็มที่

10
เด็กที่มีช่องฟันห่าง  สามารถแก้ไขด้วยการจัดฟันเด็ก ?

สุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก เป็นเรื่องที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องคอยดูแลเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ เพราะเด็กในวัยที่ยังมีฟันน้ำนมอยู่นั้น พ่อแม่จะต้องระวังในเรื่องของของการเกิดฟันผุของลูก เพราะเด็กในวัยที่ยังมีฟันน้ำนม ไใควรที่จะมองข้าม เพราะถ้าหากเกิดฟันผุและสูญเสียฟันก่อนเวลาอันควรอาจจะทำให้เด็กมีปัญหาในเรื่องสุขภาพฟันในอนาคตได้  ดังนั้นการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก จึงมีความสำคัญมากเพราะสุขภาพฟันในวัยเด็กนั้น สามารถส่งผลต่อสุขภาพฟันในอนาคตได้ ยิ่งถ้าหากเด็กมีฟันน้ำนมหลุดก่อนเวลาอันควร อาจจะทำให้เกิดภาวะฟันหายหรือฟันห่างเพราะฟันแท้ที่ควรที่จะขึ้นมานั้น ไม่สามารถงอกขึ้นมาตามธรรมชาติได้


ซึ่งที่เราเรียกว่าฟันหายและส่งผลทำให้เกิดฟันห่างตามมา ถ้าเด็กมีฟันห่างอาจจะทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ โดนเพื่อนล้อ หรืออาจส่งผลต่อการรับประทานอาหาร ทำให้การบดเคี้ยวอาหารมีประสิทธิภาพน้อยลงและสามารถทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง ดังนั้น หากเด็กมีปัญหาฟันห่างวิธีการที่ดีที่สุดก็คือควรพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อขอรับคำแนะนำและเข้ารับการรักษาการจัดฟันในเด็ก เพราะการจัดฟันในเด็ก สามารถช่วยแก้ไขปัญหาฟันได้แทบทุกกรณีและสามารถรักษาฟันของเด็กได้ตั้งแต่อายุ 4-15 ปีเลยทีเดียว ทั้งยัง ช่วยปรับโครงสร้างของใบหน้า แก้ไขความผิดปกติของกล้ามเนื้อบนใบหน้าและปรับตำแหน่งลิ้นให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง เพื่อให้เด็กได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ตั้งแต่อายุยังน้อย


อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะพูดทำความเข้าใจถึงปัญหาฟันของเด็ก ว่าถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีอาจจะส่งผลทำให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันในอนาคตได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายและส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันโดยตรง และวันนี้ทางคลินิก ของเราจะมาพูดถึงเด็กที่มีปัญหาช่องฟันห่างว่าสามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้หรือไม่ ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึงภาวะฟันห่างก่อน ซึ่งภาวะฟันห่างนั้นส่งผลทำให้เสียความมั่นใจ มีรอยยิ้มที่ไม่มั่นใจ ซึ่งถือว่าส่งผลต่อการเข้าสังคมเป็นอย่างมาก แต่ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการเข้ารับการจัดฟันเพราะการจัดฟัน เป็นการจัดเรียงตัวฟันเพื่อให้ฟันเรียงตัวกันอย่างสวยงาม เช่นเดียวกันกับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถแก้ไขปัญหาฟันห่างได้แต่จะใช้ระยะเวลานานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล


สำหรับฟันห่างนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของเด็ก เช่น การดูดนิ้ว การใช้ลิ้นดุนฟัน หรือการกลืนนน้ำลายที่ผิดวิธี พฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลต่อสุขภาพฟันหรือแม้กระทั่งขากรรไกรและขนาดของฟันที่ไม่สมดุลกันก็จะทำให้มีช่องว่างระหว่างฟันได้มากกว่าปกติหรือการสูญเสียฟันก่อนกำหนดทำให้ฟันซี่อื่นเคลื่อนตัวออกจากทิศทางเดิม ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟันได้ นอกจากนี้ปัญหาเกี่ยวกับโรคเหงือกอักเสบก็สามารถทำให้เกิดฟันห่างได้เช่นเดียวกัน แต่เด็กที่มีภาวะช่องฟันห่าง ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟันในเด็ก เพระานอกจากนี้จะช่วยในการแก้ไขปัญหาฟันห่างแล้ว ยังสามารถช่วยปรับโครงสร้างของใบหน้าได้ด้วย

 
หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะคลินิกของเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการจัดฟันในเด็กและมีประสบการณ์อย่างยาวนาน จึงทำให้สามารถแนะนำหรือแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างถูกวิธีและทันตแพทย์ของเรายังสามารถช่วยประเมินปัญหาและแนะนำแนวทางการแก้ไขได้อย่างตรงจุด สามารถแนะนำวิธีการรักษาโดยยึดหลักปัญหาฟันของเด็กเพื่อให้เด็กได้รับการรักษาที่ถูกวิธี เพราะเราอยากให้เด็กๆทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานของท่านที่มีปัญหาฟัน เข้ารับการตรวจฟันกับทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้เด็กได้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ เสริมสร้างพัฒนาการของเด็กและทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

11
เที่ยววัด ไหว้พระ 9 วัดฝั่งธนบุรี อิ่มบุญ เสริมมงคลชีวิต

ไหว้พระ 9 วัด  ถือเป็นหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวสำหรับใครก็ตามที่อยากเสริมสิริมงคลให้กับชีวิต ทำให้เรื่องของการเข้าวัดทำบุญไม่ได้เป็นเรื่องที่จำกัดอยู่แต่คนแก่อีกต่อไป หากแต่เป็นเรื่องของคนทุกเพศทุกวัย ที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำกิจกรรมนี้ได้ และโดยส่วนใหญ่เรามักจะคุ้นเคยกับการไหว้พระ 9 วัดย่านพระนคร มาคราวนี้เราจะมาลองเปลี่ยนทิศมายังฝั่งธนบุรีกันดูบ้าง เพราะในย่านนี้ก็มีวัดศักดิ์สิทธิ์สำคัญอยู่หลายแห่งไม่ต่างจากฝั่งพระนคร ว่าแล้วไม่รอช้า…เปิดลายแทงออกเดินทางไหว้พระ 9 วัดฝั่งธนบุรี กันเลยดีกว่า

1. วัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร

          วัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมเรียกกันว่า "วัดท้ายตลาด" ด้วยความที่อยู่ต่อจากตลาดเมืองธนบุรี จนเมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชทรงมาสร้างพระราชวัง ก็ได้อาณาบริเวณยาวลงมาครอบคลุมถึงวัดแห่งนี้ด้วย และกลายเป็นวัดในเขตพระราชฐานในพระราชวังกรุงธนบุรี  ภายในวัดจะมีฉางเกลือ หรือ ที่เก็บเกลือ ซึ่งในอดีตเกลือมีความสำคัญมากในการถนอมอาหารรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเก็บอาหารไว้กินในช่วงสงคราม จนเมื่อเกลือเริ่มหมดความสำคัญลง ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นพระวิหารลักษณะทรงไทยผสมจีน มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ และพระอัครสาวกประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหาร

          ส่วนพระอุโบสถ มีลักษณะทรงไทยยุคต้นรัตนโกสินทร์ หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ มีช่อฟ้าใบระกาไม้สัก ลงรักปิดกระจก ภายในผนังและเพดานมีภาพเขียนจิตรกรรม ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อปางมารวิชัยสวยงาม ต่อมาได้ถวายพระนามว่า "พระพุทธโมลีโลกนาถ" ว่ากันว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเป็นที่สักการะของพระเจ้าแผ่นดิน พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร และเหล่าราษฎรมาตั้งแต่ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์

2. วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร

          วัดที่สร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยเศรษฐีชาวจีนที่มีชื่อว่า "นายหง" จนเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสถาปนากรุงธนบุรี และได้กำหนดเขตพระราชฐาน วัดหงส์ซึ่งมีอาณาเขตติดกับพระราชฐาน จึงทรงรับวัดนี้ไว้ในพระอุปถัมภ์ ให้เป็นพระอารามหลวงมาตลอดรัชสมัยของพระองค์ พระองค์ได้ปฏิสังขรณ์วัดใหม่ สร้างศาลาการเปรียญพร้อมทั้งกุฏิ เสนาสนะทั่ววัด มีพระสงฆ์และสามเณรจำนวนมากได้เข้ามาศึกษา วัดหงส์จึงถือเป็นศูนย์กลางสำคัญทางการศึกษาพระพุทธศาสนาที่สำคัญในสมัยนั้น

          ภายในมีพระอุโบสถหลังใหญ่ มีช่อฟ้าใบระกา ตกแต่งหน้าบันด้วยลวดลายสวยงาม พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทองปางมารวิชัย มีพระแสนอยู่เบื้องหน้าพระประธาน ซึ่งเป็นที่นับถือและกราบไหว้ของคนทั่วไป ที่เชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของพระแสน อันเป็นความเชื่อสำคัญเกี่ยวกับการไหว้พระที่วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร

3. วัดเครือวัลย์วรวิหาร

          เป็นพระอารามหลวง สร้างขึ้นในสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด บ้างสันนิษฐานว่าพระยาอภัยภูธร และเจ้าจอมมารดาเครือวัลย์ในรัชกาลที่ 3 ผู้เป็นธิดา ได้ปฏิสังขรณ์ใหม่ แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง และได้พระราชทานชื่อว่า "วัดเครือวัลย์" ภายในมีพระอุโบสถทรงไทย ประดับช่อฟ้าใบระกา หน้าบันตกแต่งด้วยปูนปั้นลายดอกไม้สวยงาม ทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมศิลปากรไว้เป็นโบราณสถาน เนื่องจากผนังภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งเป็นวัดแห่งเดียวในประเทศไทยที่เขียนภาพพระชาติของพระพุทธเจ้าครบทั้ง 500 พระชาติ

          พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปยืน พระหัตถ์ซ้ายทอดลงข้างพระวรกาย พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ ฝ่าพระหัตถ์แบไปด้านหน้า มีพระอัครสาวก คือ พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ ยืนอยู่ด้านขวาและซ้าย เป็นหนึ่งในองค์พระประธานองค์ยืนที่สวยสง่า เป็นที่เคารพและศรัทธาแก่ประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก

4. วัดนาคกลางวรวิหาร

          เป็นวัดโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ที่มีถาวรวัตถุสำคัญต่าง ๆ อยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือ "หลวงพ่อโคนสมอมหาลาภ" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด ประดิษฐานที่มณฑปจัตุรมุข มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลาทรงผลสมอ (ผลไม้ที่มีสรรพคุณเป็นยาขนานเอก) จนทำให้ทุกวันนี้คนทั่วไปที่เข้ามาสักการะหลวงพ่อโคนสมอมหาลาภ ขอให้ตนแคล้วคลาดจากโรคภัยไข้เจ็บให้หายขาด รวมถึงในเรื่องโชคลาภอีกด้วย

          ภายในมีพระอุโบสถ เป็นอาคารลักษณะทรงไทย ก่ออิฐถือปูน ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์สวยงาม เข้ามาภายใน จะเห็นพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด พร้อมทั้งพระพุทธรูปบูชาต่าง ๆ  และพระอัครสาวกเบื้องขวา เบื้องซ้าย เมื่อมองดูรอบตัวโบสถ์ จะเห็นภาพจิตรกรรมฝาผนังสวยงาม เกี่ยวกับพุธประวัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูแล้วชวนให้เพลินตาเพลินใจดีไม่น้อยเลย

5. วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

          วัดโบราณที่มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา แต่เดิมชื่อ "วัดบางหว้าใหญ่" จนต่อมาในรัชกาลที่ 1 มีการขุดค้นพบระฆังโบราณในเขตวัด ประชาชนทั่วไปจึงเรียกวัดระฆังตั้งแต่นั้นมา เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในย่านฝั่งธนบุรี มีพุทธศาสนิกชนจำนวนไม่น้อยเดินทางมาทำบุญกันที่นี่เป็นจำนวนมาก ยิ่งวันเสาร์-อาทิตย์ด้วยแล้ว ยิ่งหนาตากว่าทุกวัน โดยภายในวัดประกอบไปด้วยศาสนสถานสำคัญมากมาย

          ใครที่ไหว้พระในพระอุโบสถเสร็จแล้ว อย่าลืมแวะมาชม "ตำหนักจันทน์" หรือ "หอพระไตรปิฎก" เรือนไม้แฝด 3 หลัง ที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้เงาร่มไม้ใกล้กับพระอุโบสถ เดิมเป็นตำหนักและหอประทับนั่งของรัชกาลที่ 1 เมื่อตอนที่ยังเป็นพระราชวรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจนอกฝ่ายขวา ภายในมีพระบรมสาทิสลักษณ์ขนาดใหญ่ของรัชกาลที่ 1 ตั้งอยู่ในหอกลาง ความพิเศษของปีกตำหนักด้านซ้ายยังเป็นห้องบรรทม ตรงบานประตูด้านในมีภาพวาดอสุภะ ที่กำลังถูกสัตว์เดรัจฉานฉีกทึ้งแย่งกิน ซึ่งปกติแล้วโดยทั่วไป มักไม่ค่อยมีเจ้านายพระองค์ไหนวาดภาพดังกล่าวในห้องบรรทม อันมีนัยเพื่อเตือนตัวเองในเรื่องวัฏสงสารเวียนว่ายตายเกิด ให้เกิดความรู้สึกปลงอสุภะก่อนที่จะล้มตัวลงนอน

6. วัดอมรินทรารามวรวิหาร

          วัดที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายในประกอบด้วยโบราณสถานสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ ตำหนักเขียว พระปรางค์ มณฑปพระพุทธบาทจำลอง และที่สำคัญที่สุดคือ หลวงพ่อโบสถ์น้อย ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวพุทธเป็นอย่างมาก นับว่าเป็นปูชนียวัตถุที่สำคัญ เป็นมิ่งขวัญและเป็นที่พึ่งทางใจของชาวเมืองธนบุรี ที่ไม่ว่าใครก็ตามที่สัญจรผ่านไปมาบนสะพานอรุณอัมรินทร์ เป็นต้องยกมือไหว้กันแทบทุกคน

          ความเชื่อและความศักดิ์สิทธิ์ขององค์หลวงพ่อโบสถ์น้อยมีมากมายนับไม่ถ้วน กลายเป็นตำนานเล่าขานที่บอกต่อ ๆ กันมา ส่วนหนึ่งเชื่อว่ามาจากเมื่อครั้งระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งองค์หลวงพ่อโบสถ์น้อยได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยจากแรงระเบิด จะมีก็แต่พระเศียรขององค์หลวงพ่อร้าวเท่านั้นเอง เหตุการณ์เหล่านี้กลายเป็นที่กล่าวขานในเหตุอัศจรรย์ดังกล่าว ซึ่งมีประชาชนทั่วไปให้ความศรัทธาและเลื่อมใสองค์หลวงพ่อโบสถ์น้อยเป็นจำนวนมาก

7. วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร

          วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร เดิมชื่อวัดทอง ซึ่งได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์จากพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่วงรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 3 ที่ได้ทรงปฏิสังขรณ์เสนาเสนาะ ถาวรวัตถุและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก แต่ที่โดดเด่นคือภาพวาดฝาผนังในพระอุโบสถ ที่ถือเป็นการประชันฝีมือกันระหว่างจิตรกรฝีมือเยี่ยม อย่างหลวงวิจิตรเจษฎา (ทองอยู่) ผู้เขียนภาพเนมิราชชาดก กับหลวงเสนีย์บริรักษ์ (คงแป๊ะ) ผู้เขียนภาพมโหสถชาดก

          ด้านในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อศาสดา" พระประธานของพระอุโบสถที่ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธากันมาก โดยมักมีคนมากราบไหว้ขอพร หรือบนบานศาลกล่าว โดยเฉพาะเรื่องเกณฑ์ทหาร ตลอดจนบนให้ประสบความสำเร็จในด้านอื่น ๆ และเมื่อสำเร็จสมหวัง ก็นิยมแก้บนด้วยการวิ่งม้า แต่ไม่ได้ใช้ม้าจริง ๆ เพียงแค่ใช้คนวิ่ง และมีผ้าขาวม้าเป็นสัญลักษณ์แทนม้าเท่านั้น โดยต้องมาแก้บนที่ใบเสมาแรกทางด้านหน้าของพระอุโบสถ เพราะตรงกับตำแหน่งเดียวกับหลวงพ่อศาสดานั่นเอง

8. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

          พระอารามหลวงชั้นเอก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาล สงวนไว้เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานพระกฐินเป็นประจำทุกปี เมื่อมาถึงวัดอรุณฯ จะไม่เดินไปดูพระปรางค์ก็คงจะเป็นเรื่องแปลกอยู่เสียหน่อย โดยทางวัดเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมความงดงามของพระปรางค์แห่งนี้ได้แบบใกล้ชิด ได้เห็นความงดงามของสถาปัตยกรรมที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ ถ้วยชามสมัยโบราณ เปลือกหอย เป็นลวดลายใบไม้ต่าง ๆ จนอดคิดไม่ได้ว่า ต้องใช้จำนวนแรงงานที่มีความพากเพียรมากแค่ไหนในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีความงดงามได้ขนาดนี้

          ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูป "พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก" หล่อขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 ฝาผนังภายในพระอุโบสถทั้ง 4 ด้านมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงดงามอลังการ โดยเป็นเรื่องราวภาพพุทธประวัติฝีมือช่างในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งได้มีการซ่อนแซมบางส่วนในสมัยรัชกาลที่ 5 นับเป็นความสวยงามที่ไม่ได้หาชมจากที่ไหนได้ง่าย ๆ เลย

9. วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร

          พระอารามหลวงชั้นโท เดิมชาวบ้านเรียกว่า วัดรั้วเหล็ก ใกล้เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ภายในวัดมีสถานที่สำคัญมากมาย เช่น "เขามอ" ภูเขาจำลองขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางสระน้ำ ก่อขึ้นจากหินที่มียอดลดหลั่นกันไปตามลำดับ "พิพิธภัณฑ์พระ ประยูรภัณฑาคาร" หรือ "พรินทรปริยัติธรรมศาลา" สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับให้ความรู้ด้านสิ่งของโบราณในสมัยก่อน "พระบรมธาตุมหาเจดีย์" พระเจดีย์ที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม อันดับ 1 หรือ Award of Excellence จากโครงการประกวดรางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ประจำปี พ.ศ. 2556

          ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อด้วยโลหะปางมารวิชัย ที่มีลักษณะงดงาม โดยสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ ให้ช่างชาวไทยเป็นผู้หล่อ ได้ว่าจ้างช่างลงรักปิดทองมาจากประเทศญี่ปุ่น กล่าวกันว่ามีฝีมือและกรรมวิธีการปิดทองดีเยี่ยม และถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปองค์แรกที่ใช้ช่างปิดทองเป็นชาวต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่น

          ใครที่กำลังมองหาเส้นทางไหว้พระทำบุญอยู่นั้น เส้นทางไหว้พระ 9 วัดย่านฝั่งธนบุรี ก็เป็นอีกหนึ่งเส้นทางเสริมมงคลให้กับชีวิตที่ดีอีกเส้นทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ วัยชรา สามารถเข้าวัดทำบุญได้ด้วยกันทั้งนั้น เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวดี ๆ ที่อยากให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้ลองทำกัน เพราะหากเพียงแค่คุณมีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คุณจะได้พานพบกับความสงบสุขทางจิตใจอย่างแน่นอน

12
รถไฟฟ้า ev บีวายดี BYD Atto 3 Dynamic ปี 2024
899,900 บาท 

บีวายดี BYD Atto 3 Dynamic ปี 2024
BYD ATTO 3 Dynamic รุ่นปี 2024 ตัวบอดี้มาพร้อมสีขาว Frost White และสีเทา Graphite Grey กับขุมพลังแบตเตอรี่ Blade Battery เอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ BYD ที่มีประสิทธิภาพสูง อายุการใช้งานยาวนาน ความจุ 50.25 กิโลวัตต์ ให้ระยะทางวิ่งตามมาตรฐาน NEDC สูงสุด 410 กิโลเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ภายใน 7.9 วินาที ขับเคลื่อนด้วยกำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์หรือ 201 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร และมีระบบ V to L (Vehicle To Load) เทคโนโลยีที่ใช้แบตเตอรี่จ่ายพลังงานให้กับอุปกรณ์อื่นๆ เสมือนเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเคลื่อนที่ พร้อมระบบเบรกพร้อมระบบชาร์จพลังงานกลับอัตโนมัติ (Regenerative braking) ช่วงล่างด้านหน้ามีระบบกันสะเทือนแม็คเฟอร์สันสตรัทและด้านหลังระบบมัลติ-ลิงค์ ให้ความนุ่มนวลและเกาะถนนดีเยี่ยม ใช้ระบบดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อนบริเวณด้านหน้ารถ รองรับหัวชาร์จ แบบ AC Type 2 และแบบ DC - CCS 2 สูงสุด 70 กิโลวัตต์

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                BYD
   รุ่น                     บีวายดี BYD Atto 3 Dynamic ปี 2024
   ประเภทรถ            รถอเนกประสงค์ SUV, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว             2024
   ราคา                   899,900 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
ระบบควบคุมระยะการจอด (สัญญาณเตือนหน้ารถ 2 จุด และหลังรถ 4 จุด)
ระบบไล่ฝ้ากระจกมองข้าง
ไฟหน้าส่องสว่างอัตโนมัติ
ราวหลังคา
ไฟหน้า LED (พร้อม Follow Me Home Lightและ ปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Front Light (AFL)
ไฟท้าย LED
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ (เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมป้องกันการหนีบ)
ขนาดยางหน้า-หลัง (215/60R17)
ไฟ Daytime Running Lights (LED)
ล้ออัลลอย (17 นิ้ว)

   ภายใน
เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้
ตกแต่งภายใน (ไฟ Ambient Light บริเวณมือจับประตู และภายในห้องโดยสาร ปรับสีได้ 31 สี กระพริบตามจังหวะเพลง)
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์ (ที่คอนโซลกลาง)
พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้
พวงมาลัยไฟฟ้า

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า
มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor แบตเตอรี่ ประเภท BYD Blade Battery (LFP) ให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ (201 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร//ชั่วโมง ใน 7.9 วินาที

   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)   แรงม้า
   ระบบเกียร์                     เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์
   ระบบเบรค ABS               มี
   ชนิดแบตเตอรี่                 ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่                      50.25 kWh
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง        410 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC Mode
   น้ำหนักตัวรถ                            -
   ประเภทยางรถยนต์                     -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                      ล้ออัลลอย (17 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน                     ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 

ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program (ESP))
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
กุญแจนิรภัย (แบบคีย์การฺ์ด พร้อมระบบ Keyless Entry และ Keyless Start)
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง,ระบบป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่ Traction Control System (TCS))
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (และ ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน)
อื่นๆ (ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน,ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรก Auto Vehicle Hold (AVH))
กุญแจแบบ Keyless-Go
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (ช่วยเบรกอัตโนมัติ Automatic Emergency Braking (AEB))
กล้อง (มองภาพรอบคัน 360 องศา)
เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking - IEB)
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW) (และ เตือนการชนด้านหน้าและหลัง)
ระบบเตือนก่อนเปืดประตู Door Open Warning (DOW)
เบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake (EPB))
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX)
เสียงเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย

13
มิตซูบิชิ ไทรทัน 2024: ยลโฉมตัว Mitsubishi Triton ตัวเตี้ย หน้าใหม่ แต่งซิ่งในร่าง 4 ประตู

ค่ายรถยนต์ Mitsubishi ในปีนี้ นอกจากโดดด่นด้วยรถใหม่ Mitsubishi Triton Special Edition และ Pajero Sport Passion Red Edition แล้ว ที่บูธยังมีอักหนึ่งคันตกแต่งมาอวดโฉมให้ได้ชมกันกับ Mitsubishi Triton ตัวเตี้ย หน้าใหม่ แต่งซิ่งในร่าง 4 ประตู

สำหรับคันตกแต่ง Mitsubishi Triton ตัวเตี้ย หน้าใหม่ แต่งซิ่งในร่าง 4 ประตู นี้ ใช้พื้นฐานมาจากรุ่นย่อย Double Cab 2WD 2.5 GLX ที่มีราคาค่าตัวที่ 682,000 บาท ที่ได้รับการแต่งใหม่ภายนอกรอบคัน เสริมความซิ่งด้วยชุดสเกิร์ตรอบคันสีเดียวกับตัวรถตัดด้วยสีดำเงา ด้านหน้าตกแต่งด้วยชิ้นส่วนสีดำเงาทั้งหมด ล้ออัลลอยใหม่สีดำตัดทองขนาด 18 นิ้วพร้อมยางซิ่ง 255/55 R18 ส่วนของกระบะท้ายด้านข้างคาดด้วยแถบสามสีอันเป็นเอกลักษณ์

ขุมพลังยังคงเดิมด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4D56 ขนาด 2.5 ลิตร แรงสุด 128 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 240 นิวตันเมตร ที่ 1,500-3,500 รอบ/นาที พร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีด



Mitsubishi Triton Series กระบะ 2 หล่อพิเศษตรงใจสาวกขาซิ่ง เริ่ม 647,000 บาท

มิตซูบิชิ มอเตอรส์ (ประเทศไทย) พร้อมแล้วที่จะส่งรถใหม่เข้าร่วมงาน Motor Expo 2020 ที่จะจัดขึ้นในต้นเดือน ธันวาคาม นี้ นอกจากพระเอกในงานอย่าง Mitsubishi Outlander PHEV เอสยูวีพลังเสียบปลั๊กแล้ว รุ่นที่จำหน่ายอย่างกระบะ Mitsubishi Triton ก็มีการเพิ่มรุ่นย่อยมาอีก 2 รุ่น สำหรับกลุ่มวัยรุ่นสร้างตัว กลุ่มรถซิ่ง และกลุ่มครอบครัวที่ต้องการกระบะแต่งเท่จากโรงงานด้วย Mitsubishi Triton Mega Cab Limited Editi

เริ่มที่ Mitsubishi Triton Mega Cab Limited Edition นำรุ่น Mega Cab GLX ตัวเตี้ย มาตกแต่งภายใต้คอนเซ็ปต์ “สุดแกร่ง แต่งเฟี้ยว” โดดเด่น เหนือระดับด้วยการตกแต่งพิเศษ เพื่อเอาใจสายแต่ง ที่ชื่นชอบความโดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยกระจังหน้าและแผงกันกระแทกด้านล่างที่กันชนหน้าสีดำ พร้อมเอกลักษณ์การดีไซน์ด้านหน้าแบบ Advanced Dynamic Shield โฉบเฉียวดุดันยิ่งขึ้นด้วยหลังคา กระจกมองข้าง และมือเปิดประตูด้านนอกเป็นสีดำทั้งหมด เข้มเต็มพิกัดยิ่งขึ้นด้วยกันชนท้าย มือเปิดกระบะท้าย ซุ้มล้อสีดำและล้ออัลลอยสีดำขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 225/65 R16 ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับรถกระบะไทรทัน ตัวเตี้ย หน้าดุ มากยิ่งขึ้น พร้อมออพชั่นเดิมๆทั้งไฟหน้า Projector ติดตั้งอยู่บนตำแหน่งที่สูงขึ้น พร้อมกันชนหน้าดีไซน์เท่พร้อมไฟตัดหมอกหน้า ไฟท้ายและไฟเบรก LED และกันชนหลังติดตั้งอำนวยความสะดวกในการปีนขึ้นกระบะท้าย

ภายในห้องโดยสารติดตั้งเครื่องเสียงพร้อมหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้วรุ่นใหม่ รองรับการใช้งานแอปเปิล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน มาตรวัดเรืองแสงใหม่ตกแต่งในสไตล์สปอร์ต และระบบล็อคประตูอัตโนมัติเมื่อรถมีความเร็ว 15 กม./ชม.ภายในเข้มแบบทูโทนพร้อม ช่องต่ออุปกรณ์ USB บริเวณคอนโซลหน้า พร้อมช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์


ขุมพลังยังคงเดิมด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4D56 2.5 ลิตร 128 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 240 นิวตันเมตรที่ 1,500-3,500 รอบ/นาที พร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีด กับระบบความปลอดภัยรอบคันทั้ง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก และระบบไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ มาพร้อมราคาเร้าใจเพียง 647,000 บาท และมีสีภายนอกให้เลือกประกอบด้วย สีส้ม Sunflare Orange สีขาว Solid White และสีดำ Jet Black Mica ทุกสีมาพร้อมหลังคาสีดำ (เพิ่มเงิน 7,000 บาท สำหรับ รุ่นสีส้ม Sunflare Orange และสีดำ Jet Black Mica)

มากันที่ Mitsubishi Triton Double Cab Athlete GT 2WD เป็นการนำรุ่น Double Cab Plus GT Auto มาตกแต่งพิเศษแถมเป็นการเสริมรุ่น Athlete ให้มีทางเลือกและขายในราคาที่น่าคบด้วยดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมและฟังก์ชันที่ครบครันด้วยชุดตกแต่งกันชนหน้าสีดำแบบสปอร์ต ประกอบด้วย กระจังหน้าสีดำพร้อมกรอบกันชนดีไซน์ไดนามิกชิลด์ด้านหน้าสีดำ หลังคาสีดำพร้อมล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 ด้านหลังสะดุดตาด้วยดีไซน์ของมือเปิดกระบะท้ายและกันชนหลังสีดำ พร้อมสัญลักษณ์ ‘ATHLETE’ บนฝากระบะท้าย พร้อมชุดปูพื้นกระบะ แกร่งขึ้นไปอีกขั้นด้วยกรอบกระจกมองข้างและสไตล์ลิ่งบาร์สีดำ พร้อมบันไดข้าง รวมถึงสัญลักษณ์ ‘ATHLETE’ บนแถบกราฟฟิกข้างตัวรถ

ภายในห้องโดยสารตกแต่งพิเศษด้วยเบาะหุ้มหนังสังเคราะห์ทูโทนสีดำสลับสีส้ม พร้อมสัญลักษณ์ ‘ATHLETE’ เดินด้ายสีส้มที่หัวเกียร์ แผงประตู และเบรกมือ วัสดุบุนุ่มกันกระแทกบริเวณหัวเข่า และฝากล่องเก็บของคอนโซลกลางตกแต่งด้วยสีส้ม พร้อมพรมห้องโดยสารปักสัญลักษณ์ ‘ATHLETE’ สีส้มพร้อม เบาะนั่งคนขับที่สามารถปรับระดับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง และคงความสะดวกสบายและความปลอดภัยด้วย กุญแจอัจฉริยะ KOS พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ กล้องมองภาพรอบคันพร้อมเส้นกะระยะและเส้นแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ รวมถึงถุงลมนิรภัยคู่หน้า และติดตั้งเครื่องเสียงแบบหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้วรุ่นใหม่ รองรับการใช้งานแอปเปิล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้


Mitsubishi Triton Double Cab Athlete GT 2WD แรงด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน MIVEC 4N15 Mivec Clean Diesel 2.4 ลิตร 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ครบครันด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยอันทันสมัย อาทิ ระบบเบรกแบบ ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบลดกำลังเครื่องยนต์ (BOS) เพื่อช่วยเบรก ระบบเสริมแรงเบรก (BA) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวพร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (ASTC) และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) โดยมีราคาจำหน่ายที่ 985,000 บาท และมีสีภายนอกให้เลือกประกอบด้วย สีส้ม Sunflare Orange สีขาว White Diamond และสีดำ Jet Black Mica ทุกสีมาพร้อมหลังคาสีดำ (เพิ่มเงิน 10,000 บาท สำหรับ สีขาว White Diamond)

นอกจากนี้ Mitsubishi Triton MY2021 รุ่น Mega Cab Plus กับรุ่น Double Cab Plus และ 4WD ตั้งแต่รุ่น GT, GT-Premium  ติดตั้งเครื่องเสียงแบบหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้วรุ่นใหม่ รองรับการใช้งานแอปเปิล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ แต่จำหน่ายในราคาเดิม

14
อาหารสุขภาพบำรุงสมอง รักษาอัลไซเมอร์ ชัวร์หรือมั่วนิ่ม ?

อาหารและสมุนไพรหลากหลายชนิดที่เชื่อกันว่าสามารถช่วยบำรุงสมอง ป้องกันและรักษาโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อมชนิดอื่น ๆ โดยเฉพาะแปะก๊วย น้ำมันปลา และน้ำมันมะพร้าวที่มีการกล่าวถึงคุณประโยชน์ เป็นอาหารบำรุงสมอง ความคิด ความทรงจำอย่างแพร่หลาย แต่รู้หรือไม่ว่าข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ในทุกวันนี้พูดถึงการรักษาทางเลือกเหล่านี้ว่าอย่างไรบ้าง

อัลไซเมอร์เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะสมองเสื่อม ส่งผลกระทบด้านความคิด ความทรงจำ และการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยอย่างร้ายแรง ปัจจุบันพบว่ามีผู้สูงอายุป่วยด้วยโรคนี้เป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าในปี 2573 สถิติผู้ป่วยในไทยจะพุ่งขึ้นสูงถึง 1,117,000 คน ทว่าก็ยังไม่พบแนวทางการรักษาทางการแพทย์ที่จะช่วยให้หายได้ จึงเกิดการตื่นตัวและมีการอ้างถึงการป้องกันและการรักษาทางเลือกโดยใช้สมุนไพรหรืออาหารต่าง ๆ ขึ้นมาจำนวนมาก

แปะก๊วย พืชสมุนไพรยอดนิยมที่กล่าวกันว่ามีสรรพคุณช่วยบำรุงความจำ เสริมสร้างการทำงานของสมอง ป้องกันและชะลออาการของโรคอัลไซเมอร์รวมถึงภาวะสมองเสื่อมทั้งหลาย โดยเชื่อกันว่าแปะก๊วยมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและมีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะป้องกันไม่ให้เซลล์สมองถูกทำลาย ช่วยในการทำงานของสารสื่อประสาท รวมทั้งป้องกันการสะสมของอะไมลอยด์ (Amyloid) สารโปรตีนชนิดหนึ่งที่เชื่อว่าอาจไปสร้างความเสียหายต่อเซลล์สมองและเป็นสาเหตุให้เกิดโรคอัลไซเมอร์

อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยขนาดใหญ่ที่ศึกษาเปรียบเทียบระหว่างการใช้ยาหลอกกับแปะก๊วยในกลุ่มผู้สูงอายุที่ยังมีการทำงานของสมองเป็นปกติและกลุ่มที่พบความผิดปกติในการทำงานของสมองเล็กน้อย โดยใช้อาสาสมัครทั้งหมด 3,069 คน อายุตั้งแต่ 72-96 ปี ทดลองรับประทานสารสกัดจากแปะก๊วยเป็นประจำทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 120 มิลลิกรัม ผลการศึกษาพบว่าแปะก๊วยไม่สามารถช่วยลดการเกิดโรคอัลไซเมอร์หรือภาวะสมองเสื่อมแต่อย่างใด ซึ่งสอดคล้องกับอีกงานวิจัยหนึ่งที่ทดลองเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากการบริโภคแปะก๊วยเพื่อชะลอการเสื่อมถอยของความทรงจำในผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม โดยแม้จะพบว่าแปะก๊วยมีความปลอดภัยในการใช้ แต่ด้านประสิทธิภาพในการใช้นั้นไม่ดีนักและไม่อาจเชื่อถือได้

การรับประทานแปะก๊วยนั้นถือว่ามีความปลอดภัยกับผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง แต่จะต้องรับประทานในปริมาณที่พอดี เป็นเวลาติดต่อกันไม่เกิน 6 เดือน แต่อย่างไรก็ดี การรับประทานแปะก๊วยไม่ได้ปลอดภัยสำหรับทุกคน ผู้ที่ต้องการลองรับประทานมีข้อควรระวังดังต่อไปนี้

    แปะก๊วยอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงให้มีอาการปวดศีรษะ อาหารไม่ย่อย หรือเกิดอาการแพ้ที่ผิวหนัง และในผู้สูงอายุจะเสี่ยงต่อการมีเลือดออกได้
    หญิงตั้งครรภ์ควรระมัดระวังในการใช้ เพราะอาจทำให้เสี่ยงต่อการตกเลือดยิ่งขึ้น เช่นเดียวกันกับหญิงที่ต้องให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานยืนยันถึงความปลอดภัยต่อทารกในครรภ์
    แปะก๊วยอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีเลือดออก ควรหลีกเลี่ยงการใช้กับผู้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการออกของเลือด หรือผู้ที่กำลังใช้ยาที่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีเลือดออก เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
    การรับประทานสด ๆ หรือปรุงโดยการคั่วเมล็ดอาจมีพิษและอาจเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงได้

น้ำมันมะพร้าว อาหารอีกประเภทที่มีการกล่าวถึงประโยชน์ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์ ที่มาของความเชื่อนี้เกิดจากการทดลองเกี่ยวกับอาหารทางการแพทย์ชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดสารคีสโตนในร่างกาย พบว่าอาสาสมัครที่รับประทานสามารถทำแบบทดสอบความทรงจำได้ดีขึ้น โดยคาดว่าสารนี้อาจช่วยให้การทำงานของสมองดีขึ้นจากภาวะที่เซลล์สมองของผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะสูญเสียความสามารถในการใช้พลังงานจากกลูโคส และด้วยความที่น้ำมันมะพร้าวนั้นเป็นอุดมด้วยกรดคาไพรลิก (Caprylic acid) กรดไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์สายยาวปานกลางที่จะแตกตัวออกเป็นสารคีโตนเมื่อเข้าสู่ร่างกาย จึงถูกนำมาอนุมานว่าจะสามารถช่วยรักษาอัลไซเมอร์ได้เช่นกัน ในราคาที่ไม่แพงและหาซื้อได้ง่ายกว่า

ทั้งนี้ ข้อสรุปดังกล่าวไม่สามารถนำมาใช้ยืนยันได้ว่าน้ำมันมะพร้าวจะช่วยป้องกันหรือชะลออาการของโรคอัลไซเมอร์ และปัจจุบันยังไม่ปรากฏผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ เกี่ยวกับการใช้น้ำมันมะพร้าวช่วยรักษาผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ มีเพียงรายงานจำนวนเล็กน้อยที่อ้างว่าการเพิ่มน้ำมันมะพร้าวลงในอาหารของผู้ป่วยโรคนี้ช่วยให้อาการดีขึ้น เช่น การศึกษารายกรณีของแพทย์หญิงคนหนึ่งที่ผสมน้ำมันมะพร้าวลงในอาหารให้สามีที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์รับประทาน แล้วพบว่าอาการดีขึ้นและสามารถวาดรูปนาฬิกาได้ถูกต้องกว่าเดิม ซึ่งถือเป็นการทดลองเฉพาะบุคคลที่ยังไม่น่าเชื่อถือเพียงพอ

การได้รับน้ำมันมะพร้าวในปริมาณปกติที่พบได้จากอาหารที่รับประทานในแต่ละวันนั้นไม่น่าจะมีอันตรายใด ๆ แต่หากต้องการใช้โดยหวังคุณประโยชน์ด้านใด ๆ ก็ควรระมัดระวังในกรณีต่อไปนี้

    น้ำมันมะพร้าวอาจปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์ หญิงที่ให้นมบุตร และเด็ก หากได้รับในปริมาณปกติที่พบได้จากอาหารที่รับประทานในแต่ละวัน แต่การรับประทานในปริมาณมากกว่าปกติยังไม่มีข้อยืนยันถึงความปลอดภัย ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงข้างต้นจึงไม่ควรรับประทานน้ำมันมะพร้าวเสริม
    น้ำมันมะพร้าวอาจไปเพิ่มระดับไขมันชนิดไม่ดีในร่างกาย แต่ข้อนี้มีหลักฐานโต้แย้งที่ชี้ว่าแท้จริงแล้วระดับไขมันที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นไขมันชนิดดีที่ส่งผลต่อระดับไขมันเลวโดยรวมเพียงเล็กน้อยหรืออาจไม่มีผลเลย
    ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าน้ำมันมะพร้าวสามารถทำปฏิกิริยาต่อยารักษาโรคอื่น ๆ หรือไม่ ผู้ใช้จึงควรแจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้งก่อนใช้ยาใด ๆ หากกำลังรับประทานน้ำมันมะพร้าว
    การรับประทานยาไซเลียม (Psyllium) จะส่งผลให้ร่างกายลดการดูดซึมไขมันในน้ำมันมะพร้าวได้

น้ำมันปลา อาหารเสริมที่ประกอบด้วยกรดไขมันจำเป็นประเภทโอเมก้า 3 ปริมาณสูงชนิด DHA และ EPA ที่ปกติพบได้ในปลา เช่น แมคเคอเรล ทูน่า แซมอน และมีการกล่าวอ้างว่าสารเหล่านี้ที่มีอยู่ในน้ำมันปลาชนิดอาหารเสริมจะช่วยบำรุงสมอง ชะลอความจำเสื่อม และป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้

ด้านคุณประโยชน์ของกรดไขมันโอเมก้า 3 นี้ มีข้อสันนิษฐานว่าเนื่องจาก DHA เป็นส่วนประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ประสาทในสมอง ประกอบกับทฤษฎีที่ว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม โรคหลอดเลือดและหัวใจ รวมทั้งช่วยส่งเสริมและปกป้องเซลล์ประสาท ส่วนหลักฐานจากการศึกษาวิจัยนั้นพบผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป

งานวิจัยชิ้นหนึ่งศึกษาการใช้อาหารเสริม DHA ช่วยชะลอการเสื่อมถอยด้านการคิดและการทำงานของสมองในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ที่มีอาการในระยะเริ่มต้นจนถึงระยะกลาง โดยให้รับประทานอาหารเสริมที่มี DHA วันละ 2 กรัม นาน 18 เดือน ผลปรากฏว่าเมื่อเทียบกับอีกกลุ่มที่รับประทานยาหลอกแล้ว อาหารเสริม DHA ไม่ได้มีส่วนช่วยชะลออาการของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ในระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง

ทว่าในงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งมีการทดสอบประสิทธิภาพของการใช้ DHA เพื่อบำรุงการทำงานของสมองในผู้สูงอายุที่มีอาการเสื่อมถอยของสมอง ด้วยการให้รับประทาน DHA 900 มิลลิกรัมทุกวัน เป็นเวลา 24 สัปดาห์ ผลลัพธ์พบว่ากลุ่มที่ได้รับ DHA มีการเรียนรู้และความทรงจำที่ดีขึ้น และมีประโยชน์ในการส่งเสริมสุขภาพการทำงานของสมองในผู้สูงอายุ

ทั้งนี้ ด้วยผลลัพธ์ที่ไม่สอดคล้องกันของงานวิจัยทั้ง 2 ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายจึงเห็นพ้องกันว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไปในอนาคต ขณะที่ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานเพียงพอจะยืนยันคุณสมบัติในการรักษาและป้องกันโรคอัลไซเมอร์ของ DHA หรือกรดไขมันโอเมก้า 3 ชนิดอื่น ๆ ได้ จึงยังไม่มีการแนะนำให้ใช้

อย่างไรก็ตาม หากเลือกรับประทานน้ำมันปลาในรูปแบบอาหารเสริมควรต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้ดังนี้

    ไม่ควรรับประทานเกินกว่าวันละ 3 กรัม เพราะจะเสี่ยงต่อการมีเลือดออก หากต้องการรับประทานในปริมาณที่มากกว่าปกติควรปรึกษาแพทย์เป็นอันดับแรก เพื่อให้ทราบคำแนะนำในการใช้ที่เหมาะสมและปลอดภัย
    น้ำมันปลาอาจมีผลข้างเคียงทำให้ท้องอืด อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้ หรือท้องเสียได้
    น้ำมันปลามีกลิ่นคาวรุนแรง จึงอาจทำให้มีกลิ่นคาวปลาในปากหรือลมหายใจมีกลิ่นคาวหลังการรับประทานได้
    ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าการบริโภคน้ำมันปลาที่เป็นอาหารเสริมจะปลอดภัยต่อผู้ที่แพ้ปลาหรือสัตว์น้ำที่มีเปลือกหรือไม่
    อาหารเสริมโอเมก้า 3 อาจทำให้เลือดหยุดไหลยาก ผู้ที่ใช้ยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาแก้อักเสบกลุ่มเอนเสด (NSAIDs) ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจใช้
    ยังไม่มีข้อสรุปว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 ที่พบในอาหารทะเลและน้ำมันปลาจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากหรือไม่ ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป


ความปลอดภัยในการใช้การรักษาทางเลือก

ในปัจจุบันยังไม่มีการพิสูจน์ที่ยืนยันว่าสมุนไพร อาหาร หรืออาหารเสริมใด ๆ จะช่วยป้องกันหรือรักษาโรคอัลไซเมอร์ได้อย่างปลอดภัยและได้ผล และการรักษาทางการแพทย์เองก็ไม่มีการแนะนำให้ใช้ ผู้ที่ต้องการลองใช้เป็นทางเลือกควรพูดคุยปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพราะสมุนไพรหรืออาหารเสริมบางชนิดอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมา มีปฏิกิริยากับยารักษาโรคชนิดอื่น หรือกระทบต่อโรคหรือภาวะใด ๆ ที่เป็นอยู่ได้

สำหรับผู้ที่คิดว่าตัวเองมีปัญหาเกี่ยวกับความทรงจำหรือคาดว่าจะเกิดภาวะสมองเสื่อม ทางที่ดีที่สุดก็คือการไปพบแพทย์ เช่นเดียวกันหากสงสัยว่าบุคคลใกล้ชิดอาจป่วยด้วยโรคนี้ก็ควรสนับสนุนให้ไปตรวจรักษา และควรมีคนไปเป็นเพื่อนด้วย

ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่ปัญหาด้านความทรงจำที่เผชิญนั้นอาจไม่ได้มีสาเหตุมาจากภาวะสมองเสื่อม แต่อาจเป็นผลมาจากความเครียด ภาวะซึมเศร้า การใช้ยารักษาโรคบางชนิด หรือเกิดจากโรคอื่น ๆ ก็ได้ ซึ่งการไปพบแพทย์จะช่วยให้สามารถวินิจฉัยสาเหตุและรับการรักษาได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากที่สุด


การรักษาทางการแพทย์ของโรคอัลไซเมอร์

การรักษาโรคอัลไซเมอร์ด้วยวิธีทางการแพทย์แผนปัจจุบันยังคงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด แม้จะทำได้เพียงการใช้ยารักษาและจัดการดูแลเพื่อช่วยบรรเทาอาการด้านความคิดและพฤติกรรม หรือชะลออาการของโรคลงได้บ้าง โดยแนวทางการรักษาโรคอัลไซเมอร์ที่ทำได้ มีดังนี้

    การวางแผนให้การช่วยเหลือดูแลทั้งทางด้านสุขภาพและด้านสังคม เพื่อให้การรักษาที่ตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยมากที่สุด
    การสร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยต่อผู้ป่วย โดยควรปรับสภาพแวดล้อมให้อำนวยต่อการใช้ชีวิตของผู้ป่วย เช่น จัดระเบียบและการติดตั้งอุปกรณ์การช่วยเหลือตามบริเวณบ้าน รวมถึงการสร้างนิสัยให้ผู้ป่วยใช้การคิดหรือการจำน้อยที่สุด เช่น จดบันทึกสิ่งที่ต้องทำ เก็บของจำเป็นไว้ในที่เดียวกันเพื่อไม่ให้เกิดการหลงลืม
    การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพกายที่แข็งแรงและสุภาพใจที่แจ่มใส เช่น การเดิน การปั่นจักรยานอยู่กับที่ ทั้งนี้ควรมีผู้ดูแลคอยเฝ้าดูเพื่อความปลอดภัยและไม่เกิดการพลัดหลง
    การรับประทานอาหาร คอยดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและดื่มน้ำอย่างเพียงพอ อาจหาเมนูเสริมเพื่อสุขภาพ เช่น น้ำปั่นผลไม้ผสมโยเกิร์ต และอาจเพิ่มโปรตีนเพื่อการบำรุงด้วยก็ได้
    การใช้ยา เป็นการช่วยรักษาบางอาการและชะลอการพัฒนาของโรคได้ชั่วคราว ที่มักนำมาใช้คือกลุ่มยาโคลีนเอสเทอเรส (Cholinesterase Inhibitor) เช่น โดนีพีซิล (Donepezil) กาแลนตามีน (Galantamine) และไรวาสติกมีน (Rivastigmine) และบางครั้งก็อาจใช้ยาเมแมนทีน (Memantine) ร่วมรักษากับยากลุ่มนี้ด้วย

15
บ้านโครงการใหม่ 2024: เดอะ 528 เอสเตท (The 528 Estate)
เริ่มต้น 880 ลบ.

เดอะ 528 เอสเตท (The 528 Estate)
คฤหาสน์อัลตร้าลักชัวรี่ใจกลางสุขุมวิท 28 ที่ได้ตกแต่งด้วยคอลเลกชันพิเศษจากบาคาร่าต์ กับประสบการณ์การอยู่อาศัยระดับเวิลด์คลาส พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเทียบเท่าโรงแรมในระดับอัลตร้าลักชัวรี่ โอบล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวอันร่มรื่นและเงียบสงบ และสามารถเข้าถึงไลฟ์สไตล์พรีเมียมได้โดยง่ายดาย

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ            เดอะ 528 เอสเตท (The 528 Estate)
 เจ้าของโครงการ      ไรมอน แลนด์
 ราคา                   เริ่มต้น 880 ลบ.

 ประเภทบ้าน          บ้านเดี่ยว
 ลักษณะทำเล        บ้านในเมือง
 พื้นที่โครงการ        2 ไร่ 67 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน           4 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด    1 แบบ
  เนื้อที่บ้าน          โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 พื้นที่ใช้สอย         ตั้งแต่ 2300 ถึง 2700 ตร.ม.
 จำนวนชั้น           7 ชั้น
 หน้ากว้าง           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน    8 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ    11 คัน
 สาธารณูปโภค     สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, อื่นๆ (สปา, โฮมเธียร์เตอร์, สวน, สนามหญ้า)

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน          คลองเตย
 ที่ตั้ง         ซอยสุขุมวิท 28 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กทม.

 ขนส่งสาธารณะ                  โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
Em District
Benjasiri Park
Wells International School
Thong Lor
The American School of Bangkok
Samitivej Hospital
Bumrungrad International Hospital

หน้า: [1] 2 3 ... 37