ผู้เขียน หัวข้อ: จัดฟันบางนา: รู้หรือไม่ แปรงฟันไม่สะอาด มีผลต่อรากฟันเทียมอย่างไร ?  (อ่าน 55 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 455
    • ดูรายละเอียด
จัดฟันบางนา: รู้หรือไม่ แปรงฟันไม่สะอาด มีผลต่อรากฟันเทียมอย่างไร ?

การแปรงฟัน เป็นกิจวัตรประจำวันที่เราทุกคนต้องทำกันอยู่แล้ว ในแต่ละวันที่เราต้องรับประทานอาหารเข้าไปนั้น ช่องปากและฟันของเราก็ต้องได้รับการทำความสะอาด เพื่อขจัดเศษอาการที่เรารับประทานเข้าไป รวมถึงป้องกันการเกิดปัญหาของสุขภาพฟันในระยะยาวด้วย หากเราละเลยในการทำความสะอาดช่องปากและฟัน อาจจะทำให้เกิดฟันผุ หรือโรคที่เกียวกับช่องปากตามมาได้ การแปรงฟัน คือวิธีรักษาความสะอาดของช่องปากที่สำคัญและไม่ควรละเลย เพราะหากไม่แปรงฟันให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ หรือแปรงฟันผิดวิธี อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพช่องปาก เช่น ฟันผุ เกิดคราบหินปูน หรือในกรณีที่ร้ายแรงอาจถึงขั้นสูญเสียฟันได้ และอาจจะต้องทำการฝังรากฟันเทียม


ซึ่งการฝังรากฟันเทียมเป็นการทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไปที่มีประสิทธิภาพมาก และยังเป็นที่นิยมมาก ซึ่งการฝังรากฟันเทียม จะต้องมีการดูแลรักษาเช่นกัน ซึ่งในช่วงที่พักฟื้น การดูแลสุขภาพช่องปากและบาดแผลที่ได้จากการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ก็ควรใส่ใจมากเป็นพิเศษเช่นกัน เพราะหากรับประทานอาหารเข้าไปแล้ว เกิดมีเศษอาหารเข้าไปติดหรือตกค้างอยู่ภายในบาดแผลอาจจะทำให้เกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย และอาจจะนำไปสู่การอักเสบและติดเชื้อได้


ซึ่งในช่วงแรกภายหลังจากการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ผู้เข้ารับการรักษาอาจจะยังใช้แปรงสีฟันทำความสะอาดช่องปากไม่ได้ ทันตแพทย์จะแนะนำให้ใช้น้ำอุ่นผสมเกลือ บ้วนปาก เพราะการใช้แปรงสีฟันหลังจากการที่ทำการฝังรากฟันเทียมนั้น อาจจะยังไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะอาจจะทำให้รากฟันเทียมเกิดการอักเสบ จากแรงกระทบจากแปรงสีฟัน ซึ่งอาจจะทำให้ตัวรากฟันเคลื่อนหรือเกิดการหลุดได้ เนื่องด้วยรากฟันเทียมกับกระดูกขากรรไกรที่ใช้รองรับรากฟันเทียมยังไม่ประสานตัวกัน


นอกจากนี้ภายหลังจากการฝังรากฟันเทียม เมื่อผ่านไปนานๆ ก็สามารถใช้แปรงสีฟันและทำความสะอาดช่องปากได้ตามปกติ ถึงอย่างไรก็ตาม แม้ว่ารากฟันเทียมไม่ใช่ฟันธรรมชาติ แต่ผู้เข้ารับการรักษาก็ต้องรักษาความสะอาดภายในช่องปากให้ดี เพราะอาจจะทำให้เกิดคราบหินปูน เข้าไปเกาะที่ตัวรากฟันเทียมได้ ซึ่งก็จะส่งผลให้รากฟันเทียมผุได้ และหากไม่ทำการรักษาความสะอาด ก็อาจจะย่นระยะเวลาการใช้งานของรากฟันเทียมอีกด้วย


เพราะฉะนั้น การแปรงฟันที่ไม่สะอาดหรือแปรงฟันไม่ถูกวิธี ก็จะส่งผลต่อรากฟันเทียมโดยตรง รวมไปถึงส่งผลต่อสุขภาพช่องปากด้วยเช่นกัน นอกจากนี้การรับประทานอาหารก็ส่งผลต่อรากฟันเทียมได้เช่นกัน หรือแม้กระทั่งฟันธรรมชาติของเรา หากเรารับประทานอาหารโดยไม่ระมัดระวัง ก็จะทำให้ให้ฟันของเราเกิดการแตกหัก หรือบิ่นได้ และหากทันตแพทย์พิจารณาแล้วว่า ไม่สามารถแก้ไขได้ ก็จะต้องเข้ารับการรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียม และในขณะที่เรามีรากฟันเทียมอยู่ในช่องปาก ก็ต้องมีความระมัดระวังด้วย ถึงแม้ว่าวัสดุที่นำมาทำเป็นรากฟันเทียมจะแข็งแรงมาก แต่ก็สามารถหักได้เช่นกัน รวมไปถึงยังส่งผลกระทบต่อเหงือกและสุขภาพช่องปากโดยรวมด้วย


สำหรับการเลือกแปรงสีฟันให้เหมาะสมกับเรา ควรเลือกที่มีขนาดพอดีกับปาก ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป และเลือกลักษณะขนแปรงแบบนุ่มจะดีที่สุด เพราะขนแปรงที่แข็งเกินไป อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพเหงือกและฟัน ส่วนแปรงสีฟันไฟฟ้าก็ใช้ได้เช่นกัน เนื่องจากมีประสิทธิภาพดีไม่น้อยไปกว่าแปรงสีฟันธรรมดา ผู้ใช้บางรายอาจพบว่าแปรงสีฟันไฟฟ้าช่วยทำความสะอาดได้สะดวกกว่า ทั้งนี้ ควรใช้ร่วมกับยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ด้วย หรืออาจจะใช้ไหมขัดฟันด้วย เพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม แปรงสีฟันมีอายุการใช้เพียง 3-4 เดือนเท่านั้น ทางที่ดีจึงควรเปลี่ยนแปรงสีฟันเป็นประจำทุก 3 เดือน หรือเมื่อเห็นว่าขนแปรงเริ่มเปลี่ยนสี หลุดร่วง งอ หรือดูสกปรก เพราะหากใช้แปรงสีฟันที่เสื่อมสภาพต่อไป อาจเสี่ยงต่อการสะสมของเชื้อแบคทีเรียมากขึ้นและไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพช่องปาก การเก็บรักษาแปรงสีฟันอย่างเหมาะสม ควรเก็บไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ให้แปรงสีฟันเปียกชื้นและเกิดการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา อีกทั้งห้ามใช้แปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น เพื่อป้องกันการติดต่อเชื้อโรคที่เป็นอันตราย เพียงเท่านี้ผู้เข้ารับการรักษาก็จะมีสุขภาพฟันที่ดี และจะสามารถยืดอายุการใช้งานของรากฟันเทียมให้อยู่ได้อย่างถาวรอีกด้วย