ผู้เขียน หัวข้อ: ออล นิว ไทรทัน: เปิดราคา Triton 2024 สองรุ่นท๊อป Athlete / Double Cab Ultra  (อ่าน 64 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 553
    • ดูรายละเอียด
ออล นิว ไทรทัน: เปิดราคา Triton 2024 สองรุ่นท๊อป Athlete / Double Cab Ultra

มิตซูบิชิ ประเทศไทย ปล่อยสเปคและราคาจำหน่าย 2 รุ่นท็อป Mitsubishi Triton เจนเนอเรชั่น 6 ประกอบด้วย Mitsubishi Triton Double Cab Ultra ขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ Hyper Power กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 43.8 กก.-ม. และ Mitsubishi Triton Athlete เครื่องยนต์ Hyper Power X² อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จแบบ 2 สเตจ (Two-stage Turbocharger) ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ หรือ 4 ล้อ กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 47.8 กก.-ม.

ในเบื้องต้น มิตซูบิชิเปิดราคาจำหน่าย Mitsubishi Triton Double Cab Ultra ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ ราคาเริ่มต้นที่ 1,228,000 บาท กำหนดการรับรถอยู่ในช่วงปักษ์แรกของเดือนธันวาคม 2566



รุ่นท๊อปออฟเดอะไลน์ Mitsubishi Triton Athlete ขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคาโดยประมาณอยู่ที่ 1,130,000 บาท ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาประมาณ 1,300,000 บาท ทั้งคู่คาดว่าจะส่งมอบล็อทแรกได้ราวๆ ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2567

ทั้งนี้ Mitsubishi Triton Athlete มีสีตัวถังให้เลือก 4 สี ประกอบด้วยสีดำ Jet Black Mica, สีเทา Graphite Grey, สีขาว White Diamond และพิเศษ ส้ม Yamabuki Orange Metallic ซึ่งเป็นสีเฉพาะรุ่นของ Triton Athlete พร้อมห้องโดยสารตกแต่งแบบสปอร์ตด้วยสีทูโทน ส้ม-ดำ


อุปกรณ์มาตรฐานมี จอ LCD แสดงข้อมูลการขับขนาด 7 นิ้ว, จอทัชสกรีนขนาด 10 นิ้ว, ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Android Auto หรือ Apple CarPlay, ถาดชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกซ้าย-ขวา ควบคุมด้วยสวิทช์แบบ Toggle, ระบบหมุนเวียนอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, พอร์ท USB Type-A และ USB Type-C, คอนโซลกลางมีช่องวางแก้วน้ำที่รองรับแก้วขนาดใหญ่ 2 ใบ และกล่องเก็บของที่รองรับขวดพลาสติกขนาด 600 มิลลิลิตร 4 ขวด



ไฮไลท์ของ Triton ใหม่ทุกรุ่นมีอาทิ เทคโนโลยีช่วยขับ และระบบความปลอดภัยรอบคัน Diamond Sense with Adaptive Cruise Control พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบ Auto High Beam ปรับระดับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ, ระบบ Forward Collision Mitigation System เตือนการชนด้านหน้า พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว, ระบบ Blind Spot Warning เตือนจุดอับสายตา, ระบบ Lane Change Assist สัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน


นอกจากนี้ยังมี ฟังก์ชั่น Multi Around Monitor กล้องมองภาพรอบคัน, ระบบ Hill Start Assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบ Hill Descent Control ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน, ระบบ Rear Cross Traffic Alert เตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด, ระบบเบรค ABS / EBD / BA, ระบบ Active Stability Control ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว, ระบบ Traction Control, เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปแบบควบคุมด้วยเบรค หรือ Active Limited Slip Differential ซึ่งจะช่วยส่งแรงเบรคไปยังล้อที่เกิดการลื่นไถล ปิดท้ายด้วยถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง


ทั้งคู่มากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD II โดยนับเป็นแบรนด์เดียวในตลาดที่มีฟังก์ชั่น 4H แบบฟูลไทม์ และยังสามารถเปลี่ยนโหมดจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ เป็น 4 ล้อแบบฟูลไทม์ได้ขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง (Shift-on-the-Fly) เสริมความปลอดภัยด้วยระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง Active Yaw Control (AYC) และยังสามารถเลือกโหมดในการขับได้ 7 รูปแบบ ประกอบด้วย Normal, Eco, Gravel, Snow, Mud, Sand หรือ Rock ส่วนระบบ Easy Select 4WD สามารถเลือกได้ระหว่าง 2H (ขับเคลื่อนล้อหลัง), 4H (ล็อคเฟืองท้ายกลาง) หรือ 4L (สำหรับการขับด้วยอัตราทดความเร็วต่ำ)


อีกหนึ่งในไฮไลท์ที่ช่วยให้ผู้ขับสะดวกสบายในยุคที่การเชื่อมต่อมีความสำคัญในชีวิตประจำวันคือ เทคโนโลยี MITSUBISHI CONNECT ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Telematics ที่ออกแบบมาใช้งานง่าย และสามารถสั่งงานได้จากระยะไกล ตัวระบบรองรับระบบปฏิบัติการได้ทั้ง Andriod และ iOS โดยเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชัน My MITSUBISHI CONNECT ซึ่งสามารถสั่งให้ตัวรถเปิดระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารได้จากระยะไกล, ล็อค-ปลดล็อคประตูรถ, ค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของตัวรถ, เปิดไฟส่องสว่าง และกดแตรรถ


นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบข้อมูลสถานะตัวรถ เช่น ระดับน้ำมันคงเหลือ, ระยะทางที่วิ่งต่อได้, ความดันลมยาง รวมถึงฟังก์ชันด้านความปลอดภัยอื่นๆ อาทิ บริการช่วยเหลือบนท้องถนน Roadside Assistance, การแจ้งขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ, การช่วยเหลือเมื่อรถถูกโจรกรรม หรือ Stolen Vehicle Assistance และระบบขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS ผ่านตัวรถ (e-call)