เลือกสเปคผ้ากันไฟ ที่ตรงกับความต้องการใช้งานของคุณวิธีการคิดและเลือกสเปคผ้ากันไฟ ให้ตรงกับความต้องการใช้งาน "สมมติ" ได้อย่างเป็นระบบ เพื่อให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการเลือกของคุณจริง ๆ ครับ
สมมติว่าผมเป็น ผู้จัดการโรงงานผลิตชิ้นส่วนโลหะ ที่มีการทำงานเชื่อมและเจียรโลหะอยู่เป็นประจำ และต้องการปรับปรุงความปลอดภัยในพื้นที่การผลิต
จุดประสงค์หลัก: ป้องกันสะเก็ดไฟและประกายไฟจากการเชื่อมและเจียร ไม่ให้กระเด็นไปติดวัตถุไวไฟที่อยู่ใกล้เคียง หรือโดนตัวพนักงาน
ลักษณะงาน:
งานเชื่อม MIG/MAG, TIG, และงานเจียรโลหะ
มีสะเก็ดไฟร้อนจัดและปริมาณปานกลางถึงมาก
ใช้งานในพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัด มีเครื่องจักรและวัตถุดิบอื่น ๆ อยู่ใกล้เคียง
อาจมีการสัมผัสกับสะเก็ดไฟที่ร้อนจัดเป็นระยะเวลาสั้นๆ
อุณหภูมิที่ต้องทน: ประกายไฟและสะเก็ดไฟจากการเชื่อม/เจียร อาจมีอุณหภูมิสูงถึง 1,000°C - 1,500°C แต่เป็นการสัมผัสชั่วขณะ (ไม่ใช่การสัมผัสเปลวไฟโดยตรงต่อเนื่อง)
ความทนทาน: ต้องการผ้าที่ทนทานต่อการใช้งานซ้ำๆ ไม่ฉีกขาดง่าย ทนต่อการเสียดสี และสามารถทำความสะอาดได้
ความปลอดภัยอื่นๆ: ไม่ควรมีควันพิษมากเมื่อโดนความร้อน, ไม่คันมือเมื่อสัมผัส (ถ้าเป็นไปได้), ปลอดภัยต่อสุขภาพพนักงาน
รูปแบบการใช้งาน: ต้องการใช้เป็นทั้งผ้าคลุมงาน/อุปกรณ์ และทำเป็นผ้าม่านกั้นพื้นที่บางส่วน
การเลือกสเปคผ้ากันไฟตามความต้องการข้างต้น:
จากความต้องการข้างต้น ผมจะพิจารณาผ้ากันไฟตามลำดับดังนี้:
1. ประเภทวัสดุ:
ตัดออก: ผ้าใยแก้วธรรมดา (Fiberglass Fabric)
เหตุผล: แม้จะราคาถูกและทนความร้อนได้ถึง 550°C แต่งานเชื่อม/เจียรมีสะเก็ดไฟที่ร้อนกว่านั้นมาก ผ้าอาจไหม้เป็นรูได้ง่ายหากสะเก็ดไฟมีความร้อนสูงและสัมผัสเป็นเวลานาน อีกทั้งอาจคันมือเมื่อสัมผัส
พิจารณา: ผ้าซิลิก้า (Silica Fabric)
เหตุผล: เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยม ทนความร้อนได้สูงถึง 1,000°C - 1,200°C ซึ่งเพียงพอสำหรับสะเก็ดไฟจากการเชื่อม/เจียร สามารถทนต่อการสัมผัสสะเก็ดไฟร้อนจัดได้ดีกว่าใยแก้วมาก
พิจารณา: ผ้าใยแก้วเคลือบสารกันไฟ (Coated Fiberglass Fabric)
เหตุผล: ผ้าใยแก้วที่เคลือบด้วยซิลิโคน (Silicone Coated Fiberglass) หรือสารอื่น ๆ จะช่วยเพิ่มคุณสมบัติการทนสะเก็ดไฟได้ดีขึ้น ลดการคันมือ และมีความทนทานต่อการเสียดสี/น้ำมันดีขึ้น เหมาะสมกับการใช้งานในโรงงาน
2. ความหนาและน้ำหนักต่อตารางเมตร (Grammage):
สำหรับงานเชื่อม/เจียร ผมจะไม่เลือกผ้าที่บางเกินไป เพราะสะเก็ดไฟร้อนจัดสามารถทะลุได้
ช่วงที่เหมาะสม:
ผ้าใยแก้วเคลือบซิลิโคน: ควรเลือกความหนาตั้งแต่ 0.8 มม. - 1.2 มม. หรือน้ำหนักประมาณ 600 - 1000 กรัม/ตร.ม.
0.8 มม. / 600-700 กรัม/ตร.ม.: เพียงพอสำหรับงานทั่วไป
1.0 มม. - 1.2 มม. / 800-1000 กรัม/ตร.ม.: สำหรับงานที่สะเก็ดไฟเยอะและร้อนจัด หรือต้องการความทนทานเป็นพิเศษ
ผ้าซิลิก้า (Uncoated Silica): มักจะระบุเป็นน้ำหนักมากกว่าความหนา และมักจะมีความหนาที่ 0.7 มม. - 1.3 มม. ซึ่งจะให้น้ำหนักประมาณ 600 กรัม/ตร.ม. ขึ้นไป สำหรับงานเชื่อม
3. คุณสมบัติเพิ่มเติม:
สารเคลือบ: หากเลือกผ้าใยแก้ว ควรพิจารณาแบบ เคลือบซิลิโคน เพราะจะช่วยให้:
สะเก็ดไฟเกาะติดยากและกลิ้งหลุดไปได้ง่าย
ลดการซึมผ่านของน้ำมันและสารเคมี
ลดการระคายเคืองของเส้นใยแก้ว (ลดอาการคัน)
เพิ่มความทนทานต่อการฉีกขาดและเสียดสี
ความยืดหยุ่น: ผ้าที่สามารถคลุมรูปทรงต่างๆ ได้ดี จะช่วยให้ใช้งานได้หลากหลายกว่า
การรับรองมาตรฐาน: ต้องมีมาตรฐานการรับรองด้านการกันไฟ เช่น
ISO 11611 (สำหรับเสื้อผ้าป้องกันการเชื่อม)
EN 13501-1 (การจัดประเภทการตอบสนองต่อไฟสำหรับผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง)
NFPA 701 (สำหรับสิ่งทอที่ทนไฟ)
ASTM E84 (การทดสอบลักษณะการเผาไหม้ที่ผิววัสดุ)
(สำหรับผ้ากันไฟงานเชื่อม มักดูคุณสมบัติ Non-Combustible หรือ Fire Retardant ที่ชัดเจน)
สรุปสเปคที่เลือก (สำหรับโรงงานผลิตชิ้นส่วนโลหะ):
ผมจะเลือกใช้ "ผ้าใยแก้วเคลือบซิลิโคนสองด้าน (Double-sided Silicone Coated Fiberglass Fabric)"
ความหนา: 1.0 มม. - 1.2 มม. (หรือน้ำหนักประมาณ 800 - 1000 กรัม/ตร.ม.)
คุณสมบัติ:
ทนอุณหภูมิการทำงานต่อเนื่องได้ประมาณ 260°C (สำหรับซิลิโคน) และทนอุณหภูมิสูงสุดของผ้าใยแก้วได้ถึง 550°C (ทนสะเก็ดไฟกระเด็นได้สูงกว่านั้นชั่วขณะ)
ทนสะเก็ดไฟ/ประกายไฟได้ดีเยี่ยม: สะเก็ดไฟไม่เกาะติด เกลี้ยงหลุดออกง่าย
ลดการระคายเคือง, ทนทานต่อการเสียดสี
มีความยืดหยุ่นพอสมควร สามารถคลุมอุปกรณ์และทำเป็นผ้าม่านได้
มีการรับรองมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง (ควรขอเอกสารจากผู้จำหน่าย)
การเลือกสเปคเช่นนี้ จะทำให้มั่นใจได้ว่า ผ้ากันไฟที่นำมาใช้จะให้การป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับงานเชื่อมและเจียรในโรงงานของผมครับ.