ผู้เขียน หัวข้อ: เที่ยววัด ไหว้พระ 9 วัดฝั่งธนบุรี อิ่มบุญ เสริมมงคลชีวิต  (อ่าน 8 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 549
    • ดูรายละเอียด
เที่ยววัด ไหว้พระ 9 วัดฝั่งธนบุรี อิ่มบุญ เสริมมงคลชีวิต

ไหว้พระ 9 วัด  ถือเป็นหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวสำหรับใครก็ตามที่อยากเสริมสิริมงคลให้กับชีวิต ทำให้เรื่องของการเข้าวัดทำบุญไม่ได้เป็นเรื่องที่จำกัดอยู่แต่คนแก่อีกต่อไป หากแต่เป็นเรื่องของคนทุกเพศทุกวัย ที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำกิจกรรมนี้ได้ และโดยส่วนใหญ่เรามักจะคุ้นเคยกับการไหว้พระ 9 วัดย่านพระนคร มาคราวนี้เราจะมาลองเปลี่ยนทิศมายังฝั่งธนบุรีกันดูบ้าง เพราะในย่านนี้ก็มีวัดศักดิ์สิทธิ์สำคัญอยู่หลายแห่งไม่ต่างจากฝั่งพระนคร ว่าแล้วไม่รอช้า…เปิดลายแทงออกเดินทางไหว้พระ 9 วัดฝั่งธนบุรี กันเลยดีกว่า

1. วัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร

          วัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมเรียกกันว่า "วัดท้ายตลาด" ด้วยความที่อยู่ต่อจากตลาดเมืองธนบุรี จนเมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชทรงมาสร้างพระราชวัง ก็ได้อาณาบริเวณยาวลงมาครอบคลุมถึงวัดแห่งนี้ด้วย และกลายเป็นวัดในเขตพระราชฐานในพระราชวังกรุงธนบุรี  ภายในวัดจะมีฉางเกลือ หรือ ที่เก็บเกลือ ซึ่งในอดีตเกลือมีความสำคัญมากในการถนอมอาหารรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเก็บอาหารไว้กินในช่วงสงคราม จนเมื่อเกลือเริ่มหมดความสำคัญลง ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นพระวิหารลักษณะทรงไทยผสมจีน มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ และพระอัครสาวกประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหาร

          ส่วนพระอุโบสถ มีลักษณะทรงไทยยุคต้นรัตนโกสินทร์ หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ มีช่อฟ้าใบระกาไม้สัก ลงรักปิดกระจก ภายในผนังและเพดานมีภาพเขียนจิตรกรรม ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อปางมารวิชัยสวยงาม ต่อมาได้ถวายพระนามว่า "พระพุทธโมลีโลกนาถ" ว่ากันว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเป็นที่สักการะของพระเจ้าแผ่นดิน พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร และเหล่าราษฎรมาตั้งแต่ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์

2. วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร

          วัดที่สร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยเศรษฐีชาวจีนที่มีชื่อว่า "นายหง" จนเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสถาปนากรุงธนบุรี และได้กำหนดเขตพระราชฐาน วัดหงส์ซึ่งมีอาณาเขตติดกับพระราชฐาน จึงทรงรับวัดนี้ไว้ในพระอุปถัมภ์ ให้เป็นพระอารามหลวงมาตลอดรัชสมัยของพระองค์ พระองค์ได้ปฏิสังขรณ์วัดใหม่ สร้างศาลาการเปรียญพร้อมทั้งกุฏิ เสนาสนะทั่ววัด มีพระสงฆ์และสามเณรจำนวนมากได้เข้ามาศึกษา วัดหงส์จึงถือเป็นศูนย์กลางสำคัญทางการศึกษาพระพุทธศาสนาที่สำคัญในสมัยนั้น

          ภายในมีพระอุโบสถหลังใหญ่ มีช่อฟ้าใบระกา ตกแต่งหน้าบันด้วยลวดลายสวยงาม พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทองปางมารวิชัย มีพระแสนอยู่เบื้องหน้าพระประธาน ซึ่งเป็นที่นับถือและกราบไหว้ของคนทั่วไป ที่เชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของพระแสน อันเป็นความเชื่อสำคัญเกี่ยวกับการไหว้พระที่วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร

3. วัดเครือวัลย์วรวิหาร

          เป็นพระอารามหลวง สร้างขึ้นในสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด บ้างสันนิษฐานว่าพระยาอภัยภูธร และเจ้าจอมมารดาเครือวัลย์ในรัชกาลที่ 3 ผู้เป็นธิดา ได้ปฏิสังขรณ์ใหม่ แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง และได้พระราชทานชื่อว่า "วัดเครือวัลย์" ภายในมีพระอุโบสถทรงไทย ประดับช่อฟ้าใบระกา หน้าบันตกแต่งด้วยปูนปั้นลายดอกไม้สวยงาม ทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมศิลปากรไว้เป็นโบราณสถาน เนื่องจากผนังภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งเป็นวัดแห่งเดียวในประเทศไทยที่เขียนภาพพระชาติของพระพุทธเจ้าครบทั้ง 500 พระชาติ

          พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปยืน พระหัตถ์ซ้ายทอดลงข้างพระวรกาย พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ ฝ่าพระหัตถ์แบไปด้านหน้า มีพระอัครสาวก คือ พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ ยืนอยู่ด้านขวาและซ้าย เป็นหนึ่งในองค์พระประธานองค์ยืนที่สวยสง่า เป็นที่เคารพและศรัทธาแก่ประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก

4. วัดนาคกลางวรวิหาร

          เป็นวัดโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ที่มีถาวรวัตถุสำคัญต่าง ๆ อยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือ "หลวงพ่อโคนสมอมหาลาภ" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด ประดิษฐานที่มณฑปจัตุรมุข มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลาทรงผลสมอ (ผลไม้ที่มีสรรพคุณเป็นยาขนานเอก) จนทำให้ทุกวันนี้คนทั่วไปที่เข้ามาสักการะหลวงพ่อโคนสมอมหาลาภ ขอให้ตนแคล้วคลาดจากโรคภัยไข้เจ็บให้หายขาด รวมถึงในเรื่องโชคลาภอีกด้วย

          ภายในมีพระอุโบสถ เป็นอาคารลักษณะทรงไทย ก่ออิฐถือปูน ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์สวยงาม เข้ามาภายใน จะเห็นพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด พร้อมทั้งพระพุทธรูปบูชาต่าง ๆ  และพระอัครสาวกเบื้องขวา เบื้องซ้าย เมื่อมองดูรอบตัวโบสถ์ จะเห็นภาพจิตรกรรมฝาผนังสวยงาม เกี่ยวกับพุธประวัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูแล้วชวนให้เพลินตาเพลินใจดีไม่น้อยเลย

5. วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

          วัดโบราณที่มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา แต่เดิมชื่อ "วัดบางหว้าใหญ่" จนต่อมาในรัชกาลที่ 1 มีการขุดค้นพบระฆังโบราณในเขตวัด ประชาชนทั่วไปจึงเรียกวัดระฆังตั้งแต่นั้นมา เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในย่านฝั่งธนบุรี มีพุทธศาสนิกชนจำนวนไม่น้อยเดินทางมาทำบุญกันที่นี่เป็นจำนวนมาก ยิ่งวันเสาร์-อาทิตย์ด้วยแล้ว ยิ่งหนาตากว่าทุกวัน โดยภายในวัดประกอบไปด้วยศาสนสถานสำคัญมากมาย

          ใครที่ไหว้พระในพระอุโบสถเสร็จแล้ว อย่าลืมแวะมาชม "ตำหนักจันทน์" หรือ "หอพระไตรปิฎก" เรือนไม้แฝด 3 หลัง ที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้เงาร่มไม้ใกล้กับพระอุโบสถ เดิมเป็นตำหนักและหอประทับนั่งของรัชกาลที่ 1 เมื่อตอนที่ยังเป็นพระราชวรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจนอกฝ่ายขวา ภายในมีพระบรมสาทิสลักษณ์ขนาดใหญ่ของรัชกาลที่ 1 ตั้งอยู่ในหอกลาง ความพิเศษของปีกตำหนักด้านซ้ายยังเป็นห้องบรรทม ตรงบานประตูด้านในมีภาพวาดอสุภะ ที่กำลังถูกสัตว์เดรัจฉานฉีกทึ้งแย่งกิน ซึ่งปกติแล้วโดยทั่วไป มักไม่ค่อยมีเจ้านายพระองค์ไหนวาดภาพดังกล่าวในห้องบรรทม อันมีนัยเพื่อเตือนตัวเองในเรื่องวัฏสงสารเวียนว่ายตายเกิด ให้เกิดความรู้สึกปลงอสุภะก่อนที่จะล้มตัวลงนอน

6. วัดอมรินทรารามวรวิหาร

          วัดที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายในประกอบด้วยโบราณสถานสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ ตำหนักเขียว พระปรางค์ มณฑปพระพุทธบาทจำลอง และที่สำคัญที่สุดคือ หลวงพ่อโบสถ์น้อย ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวพุทธเป็นอย่างมาก นับว่าเป็นปูชนียวัตถุที่สำคัญ เป็นมิ่งขวัญและเป็นที่พึ่งทางใจของชาวเมืองธนบุรี ที่ไม่ว่าใครก็ตามที่สัญจรผ่านไปมาบนสะพานอรุณอัมรินทร์ เป็นต้องยกมือไหว้กันแทบทุกคน

          ความเชื่อและความศักดิ์สิทธิ์ขององค์หลวงพ่อโบสถ์น้อยมีมากมายนับไม่ถ้วน กลายเป็นตำนานเล่าขานที่บอกต่อ ๆ กันมา ส่วนหนึ่งเชื่อว่ามาจากเมื่อครั้งระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งองค์หลวงพ่อโบสถ์น้อยได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยจากแรงระเบิด จะมีก็แต่พระเศียรขององค์หลวงพ่อร้าวเท่านั้นเอง เหตุการณ์เหล่านี้กลายเป็นที่กล่าวขานในเหตุอัศจรรย์ดังกล่าว ซึ่งมีประชาชนทั่วไปให้ความศรัทธาและเลื่อมใสองค์หลวงพ่อโบสถ์น้อยเป็นจำนวนมาก

7. วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร

          วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร เดิมชื่อวัดทอง ซึ่งได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์จากพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่วงรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 3 ที่ได้ทรงปฏิสังขรณ์เสนาเสนาะ ถาวรวัตถุและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก แต่ที่โดดเด่นคือภาพวาดฝาผนังในพระอุโบสถ ที่ถือเป็นการประชันฝีมือกันระหว่างจิตรกรฝีมือเยี่ยม อย่างหลวงวิจิตรเจษฎา (ทองอยู่) ผู้เขียนภาพเนมิราชชาดก กับหลวงเสนีย์บริรักษ์ (คงแป๊ะ) ผู้เขียนภาพมโหสถชาดก

          ด้านในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อศาสดา" พระประธานของพระอุโบสถที่ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธากันมาก โดยมักมีคนมากราบไหว้ขอพร หรือบนบานศาลกล่าว โดยเฉพาะเรื่องเกณฑ์ทหาร ตลอดจนบนให้ประสบความสำเร็จในด้านอื่น ๆ และเมื่อสำเร็จสมหวัง ก็นิยมแก้บนด้วยการวิ่งม้า แต่ไม่ได้ใช้ม้าจริง ๆ เพียงแค่ใช้คนวิ่ง และมีผ้าขาวม้าเป็นสัญลักษณ์แทนม้าเท่านั้น โดยต้องมาแก้บนที่ใบเสมาแรกทางด้านหน้าของพระอุโบสถ เพราะตรงกับตำแหน่งเดียวกับหลวงพ่อศาสดานั่นเอง

8. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

          พระอารามหลวงชั้นเอก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาล สงวนไว้เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานพระกฐินเป็นประจำทุกปี เมื่อมาถึงวัดอรุณฯ จะไม่เดินไปดูพระปรางค์ก็คงจะเป็นเรื่องแปลกอยู่เสียหน่อย โดยทางวัดเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมความงดงามของพระปรางค์แห่งนี้ได้แบบใกล้ชิด ได้เห็นความงดงามของสถาปัตยกรรมที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ ถ้วยชามสมัยโบราณ เปลือกหอย เป็นลวดลายใบไม้ต่าง ๆ จนอดคิดไม่ได้ว่า ต้องใช้จำนวนแรงงานที่มีความพากเพียรมากแค่ไหนในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีความงดงามได้ขนาดนี้

          ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูป "พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก" หล่อขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 ฝาผนังภายในพระอุโบสถทั้ง 4 ด้านมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงดงามอลังการ โดยเป็นเรื่องราวภาพพุทธประวัติฝีมือช่างในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งได้มีการซ่อนแซมบางส่วนในสมัยรัชกาลที่ 5 นับเป็นความสวยงามที่ไม่ได้หาชมจากที่ไหนได้ง่าย ๆ เลย

9. วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร

          พระอารามหลวงชั้นโท เดิมชาวบ้านเรียกว่า วัดรั้วเหล็ก ใกล้เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ภายในวัดมีสถานที่สำคัญมากมาย เช่น "เขามอ" ภูเขาจำลองขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางสระน้ำ ก่อขึ้นจากหินที่มียอดลดหลั่นกันไปตามลำดับ "พิพิธภัณฑ์พระ ประยูรภัณฑาคาร" หรือ "พรินทรปริยัติธรรมศาลา" สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับให้ความรู้ด้านสิ่งของโบราณในสมัยก่อน "พระบรมธาตุมหาเจดีย์" พระเจดีย์ที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม อันดับ 1 หรือ Award of Excellence จากโครงการประกวดรางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ประจำปี พ.ศ. 2556

          ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อด้วยโลหะปางมารวิชัย ที่มีลักษณะงดงาม โดยสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ ให้ช่างชาวไทยเป็นผู้หล่อ ได้ว่าจ้างช่างลงรักปิดทองมาจากประเทศญี่ปุ่น กล่าวกันว่ามีฝีมือและกรรมวิธีการปิดทองดีเยี่ยม และถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปองค์แรกที่ใช้ช่างปิดทองเป็นชาวต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่น

          ใครที่กำลังมองหาเส้นทางไหว้พระทำบุญอยู่นั้น เส้นทางไหว้พระ 9 วัดย่านฝั่งธนบุรี ก็เป็นอีกหนึ่งเส้นทางเสริมมงคลให้กับชีวิตที่ดีอีกเส้นทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ วัยชรา สามารถเข้าวัดทำบุญได้ด้วยกันทั้งนั้น เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวดี ๆ ที่อยากให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้ลองทำกัน เพราะหากเพียงแค่คุณมีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คุณจะได้พานพบกับความสงบสุขทางจิตใจอย่างแน่นอน